ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 363

บทที่363 สอนทักษะเหล่านี้ให้หลาน

สอนทักษะเหล่านี้ให้หลาน

“เป็นอะไรครับ? อย่ารีบร้อน ค่อยๆพูด!”

เฉินเกอเอ่ยขึ้น

“คุณปู่ฉิน ท่านจะเก็บของไปอีกแล้ว ฉันขวางเอาไว้ไม่ได้เลย!”

“ก็ดีๆอยู่นี่นา ทำไมจู่ๆเขาถึงจะไปล่ะ?”

เฉินเกอเอ่ยขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

ฉินอีฝานชายสูงวัยคนนี้ จะพูดอย่างไร เฉินเกอก็รู้สึกว่าเขาดูลึกลับ

ทำอะไรได้ก็มาก

ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกว่าเขาดูน่าสงสารด้วยเช่นกัน

อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังอยู่ด้วยคนเดียวเพียงลำพังอีก

ทั้งสองคนรู้จักกันนั้นนับว่าเป็นพรหมลิขิต เขาก็ช่วยตัวเองไว้มาก

เห็นว่าเขายอมที่จะกวนตัวเอง ดังนั้นเฉินเกอก็ไม่ได้พูดอะไร กินดีอยู่ดีให้การต้อนรับเป็นอย่างดี

ก่อนหน้านี้ก็อยู่กันได้อย่างปกติ เฉินเกอเองจึงรับเขาเข้ามาอยู่กับตัวเองที่คฤหาสน์ด้วย

เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับเฉียงเวย ดังนั้นเฉียงเวยจึงปฏิบัติและดูแลเขาอย่างทั่วถึง ปฏิบัติกับเขาเหมือนกับเป็นคุณปู่แท้ๆของตัวเอง

ถ้าจะบอกว่าผิดปกติ

นั่นก็คงจะเริ่มตั้งแต่ที่ตัวเองเริ่มหาที่อยู่ของตระกูลฟางนั่นเอง

ตอนนั้นก็รู้สึกว่าสีหน้าของคุณปู่ฉินผิดปกติไปแล้ว

อีกทั้งสองสามวันนั้น เขาก็พูดคุยกับเฉินเกอไปไม่น้อยเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับมีเรื่องอะไรในใจอย่างไรอย่างนั้น

เอ่ยถามสาเหตุเขาแล้ว เขาก็เริ่มพูดจาสะเปะสะปะไปทั่ว

เฉินเกอเองก็ทำอะไรไม่ได้

และขณะนั้นเองเขาจึงเอ่ยขึ้นมา : “โอเคครับ อย่าเพิ่งร้อนใจไปนะ เดี๋ยวผมจะกลับไปถามเขาเองว่าเกิดอะไรขึ้น!”

หลังจากที่แยกกับหวางเสี่ยวหัวแล้ว เฉินเกอก็กลับมา

“ปู่จะต้องไปจริงๆแล้ว หลานเฉียวเวย ต่อไปมีโอกาสปู่จะมาหาหลาน หลานเป็นเด็กดี ปู่ไม่มีทางลืมหลานหรอก!”

รอจนเฉินเกอกลับมาแล้วนั้น ฉินอีฝานหอบกระเป๋าสัมภาระของตัวเองไว้เพื่อเตรียมตัวออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และเจอกับเฉินเกอเข้าพอดี

“หลานชาย หลานเพิ่งกลับมา พอดีเลย ปู่จะได้บอกเรา ปู่ต้องไปแล้วนะ!” ฉินอีฝานเอ่ยขึ้น

“ท่านฉินอยู่ที่นี่ดีๆอยู่แล้วนี่ครับ ทำไมจะต้องรีบไปด้วย ถึงแม้ว่าคุณปู่จะต้องรีบกลับไป ก็ให้ผมจัดรถไปส่งคุณปู่กลับก็ได้นี่ครับ!”

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องจริงๆ หลานชาย ความกตัญญูของหลานปู่รู้ แต่ถ้าไม่ไปอีกก็คงจะไปไม่ได้แล้ว!” ฉินอีฝานพึมพำไม่กี่คำนั้นออกมา

“อา? คุณปู่ว่าอะไรนะครับ?”

เฉินเกอได้ยินไม่ชัด

“แค่กๆ ปู่บอกว่าไม่ต้องรับกวนหรอก ปู่ต้องไปแล้วจริงๆ!”

ท่านฉินตีลงบนหน้าอกของเฉินเกอ

“ซี๊ด!”

เฉินเกอลูบด้วยความเจ็บ

“เฮ้ย นี่ปู่แค่ตีแกเบาๆเองแกก็เจ็บแล้วเนี่ยนะ บอบบางเป็นกระดาษเชียวนะ?”

ฉินอีฝานพูดออกมาอย่างอึ้งๆ

ส่วนซูเฉียงเวยนั้นก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาถาม : “เฉินเกอ เป็นอะไรน่ะ?”

“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่ไม่ระวังก็เลยถูกผู้หญิงคนนึงถีบเอาน่ะ!”

“อ๋า? ใครกัน? ทำไมเธอจะต้องทำร้ายคนอื่นด้วย?”

ซูเฉียงเวยเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง

เฉินเกอส่ายหน้า พลางบอกว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้วดีกว่า

จริงๆแล้ว ทักษะเทควันโดของฉินหน่วนนับว่าไม่เลวเลยจริงๆ แรงเยอะ

ส่วนฉินอีฝานกลับส่ายหน้าโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“อา ไปแบบนี้แล้ว ปู่จะวางใจได้อย่างไร หลานชาย สภาพจิตใจของแกดีมาก ปู่กังวลจริงๆว่าหลังจากที่ปู่ไปแล้ว แกจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องตายอย่างไร!”

ฉินอีฝานนึกถึงตอนที่อยู่โรงแรมครั้งที่แล้ว ที่คุณชายหลงส่งคนมาลอบทำร้ายเฉินเกอเรื่องนี้

ถ้าหากไม่ใช่เพราะตัวเองลงมือเอง กลัวว่ากระดูกของเฉินเกอหลานชายคนนี้คงจะถูกคนอื่นทำลายจนแหลกไปแล้ว

“ไม่เสียหน่อยครับ ตอนนั้นผมยังไม่ได้สู้ตอบโต้ไป ถ้าหากสู้กลับ ก็สู้กับพวกเขาได้เหมือนกัน!”

เฉินเกอเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่รักเกียรติรักศักดิ์ศรีของตัวเองเช่นกัน ถึงอย่างไรถูกผู้หญิงเล่นงานเอาแบบนี้ พูดออกไปก็คงฟังดูไม่ดีเท่าไรนัก

“ถุย! แกนี่นะ ปู่รู้ว่าเด็กอย่างแกมีแรงกำลังอยู่ แต่จะเรื่องเล็กเรื่องน้อย แกยังแยกแยะไม่ได้เลย! แล้วก็ไม่สามารถให้คนอื่นมาคอยปกป้องอยู่ตลอดเหมือนกัน!”

ฉินอีฝานเกาศีรษะ

เฉินเกอพยักหน้า เขาเองก็เคยคิดเหมือนกัน ว่าจะต้องฝึกการต่อสู้อะไรพวกนั้นกับบอดิการด์เทียนหลงตี้หูหรือเปล่า

แต่ ไม่มีเวลาเลยเท่านั้นเอง

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ปู่จะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน ที่ยากเกินไปแกคงเรียนไม่ได้ ปู่จะสอนวิธีจับจังหวะในการต่อสู้ให้แล้วกัน ให้คนที่เขาฝึกฝนกันบ่อยๆไม่สามารถเข้าใกล้ตัวแกได้ก็พอ แต่ ไม่ได้มีแรงสังหารอะไรนะ! จะดีตรงที่จะสามารถเอาไปใช้ได้จริง เรียนแล้วมันก็จะง่ายขึ้น!”

ฉินอีฝานกล่าว

“จริงหรือครับ? เรียนแค่สามสี่วันก็เป็นแล้วหรือ?”

เฉินเกอยิ้มเจื่อนๆออกมา

“เจ้าเด็กนี่ มีคนอายุน้อยๆตั้งกี่คนที่อยากจะเรียนกับปู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าปู่จะต้องสอน ปู่บอกว่าจะให้แกเป็นภายในสามวันก็สามวันสิ!อะไรกัน ดูท่าทางแกแล้ว หน้าตาดูไม่อยากจะเชื่อ นี่เห็นว่าปู่ไม่มีทักษะจริงๆใช่ไหม มา ต่อยมาเลย ไม่ต้องเกรงใจนะ!”

ฉินอีฝาน,มือหนึ่งกอดกระเป๋าเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็กวักมือเรียกเฉินเกอ

“ช่างเถอะครับ ตอนที่ผมถูกผู้หญิงคนนั้นถีบ ผมเพียงแค่ไม่อยากจะเอาคืน ถ้าหากผมจะต้องต่อยกับปู่ กลัวว่าจะปู่จะแย่เอาเสียก่อน!”

เฉินเกอโบกมือ

ใช่ ท่านฉินหนังหุ้มกระดูกแล้ว มีอายุมากพอควรแล้ว

เฉินเกอกลัวว่าจะทำให้ร่างของเขาพังลงเสียก่อนมากกว่า

“หลานชาย มาเถอะ วางใจได้ ไม่ต้องเกรงใจนะ!”

ฉินอีฝานเอ่ยขึ้น

เฉินเกอเห็นว่าท่านฉินดูมั่นใจมากเช่นนั้น

จึงฟังตามที่เขาบอก พุ่งมัดไปตรงช่วงไหล่ของเขา

โครม!

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

ข้อมือของเฉินเกอถูกเขาบีบเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็ก้าวไปทางด้านหน้า

หลังจากนั้นตัวของเขานั้นก็ลอยออกไปเหมือนกับเชือกว่าวที่ขาดออกจากกันอย่างไรอย่างนั้น

กระแทกลงบนพื้นกระเบื้องของคฤหาสน์อย่างแรง เฉินเกอรู้สึกว่ากระดูกทั่วทั้งร่างกายของตัวเองนั้นได้แหลกละเอียดไปแล้ว

จะยืนก็ยังยืนขึ้นไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ

“อา! เฉินเกอ!”

เมื่อซูเฉียงเวยเห็นว่าเฉินเกอลุกขึ้นมาไม่ได้นั้น จึงรีบวิ่งออกไปดูด้วยความกังวล

แล้วพยุงตัวเฉินเกอขึ้นมา

“หลานชาย เป็นอย่างไรบ้าง? ปู่ทำได้ดีใช่ไหมล่ะ?”

ฉินอีฝานนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าประตู มองดูเฉินเกอแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

ส่วนเฉินเกอนั้นก็นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีทักษะดีขนาดนี้

แม้กระทั่ง ถ้าหากไม่ได้มากองอยู่ที่พื้น เฉินเกอก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองลอยออกมาได้อย่างไร

เป็นการต่อยเขาหมัดหนึ่ง หลังจากนั้นตัวเองก็ลอยกลางอากาศเสียอย่างนั้น

ตกลงมาอย่างโลกตรงหน้านั้นหมุนไปหมด

“คุณปู่ฉิน ทำไมออกแรงเยอะขนาดนี้ล่ะคะ!”

ซูเฉียงเวยเอ่ยออกมาด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไรหรอก เขาอายุยังน้อย ทำงานฝึกฝนร่างกายมาตั้งแต่เด็ก ร่างกายเขาไม่อ่อนแออย่างที่หลานเห็นหรอก แล้วอีกอย่างหลานชายปู่แรงข้อมือนั้นนับว่าไม่เลวเลย เรียนรู้ทักษะนี้ของปู่จะเหมาะมากเลยนะ!”

ฉินอีฝานเดินเข้าไป แล้วเตะไปยังเฉินเกอหนึ่งที : “ยังไม่ลุกขึ้นมาอีก! นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปู่จะสอนทักษะเหล่านี้ให้หลาน! เพียงแค่ไม่ได้เป็นการเจอกับคนฝีมือดีๆ ทะเลาะกันปกติ หรือว่าใช้ในการทำให้ตัวเองเป็นอิสระหลุดพ้น ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

เฉินเกอพยุงแขนตัวเองขึ้นมา

ทักษะนี้ นับว่าดุเดือดมากจริงๆ

เขาจึงพยักหน้าลง

หลังจากนั้นสามวัน

สอนเฉินเกอให้เป็นแล้วนั้น ท่านฉินก็ยังคงจะต้องไปอยู่ดี

เดิมทีเฉินเกออยากจะรั้งเขาเอาไว้ ถึงอย่างไรก็อยู่ด้วยกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็มีความรู้สึกต่อกันอยู่แล้ว

ท่านฉิน นอกจากบางครั้งจะดูเสียสติ พูดจาไร้สาระแล้วนั้น นอกนั้นก็ดีหมด

อย่างน้อยๆกับเขาและเฉียงเวยไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

ทางด้านเฉียงเวยนั้นก็ส่งเขาออกไปด้วยน้ำตา ดูจะทำใจไม่ได้ด้วยเช่นกัน!

ไม่รู้ว่าทำไมท่านฉินถึงได้หลีกเลี่ยงเรื่องราวเหล่านี้

แต่เขาไม่พูด เฉินเกอเองก็ไม่สามารถเอ่ยถามต่อไปได้

ถึงอย่างไรตอนนี้จิตใจหลักของตัวเองนั้นยังคงอยู่กับเรื่องสืบหาเรื่องของตระกูลฟางให้ชัดเจน

วันนี้ เฉินเกอกับหวางเสี่ยวหัวมาที่มหาวิทยาลัย

และบังเอิญเจอกับเฉินจุนเหวินและหูฮุ่ยหมินเข้าพอดี และยังมีผู้หญิงอีกสองสามคนนั้น พวกเขาทั้งห้าคนมาที่มหาวิทยาด้วยกัน

เพียงแต่ครั้งนี้ เฉินเกอไม่ได้เอ่ยทักทายหูฮุ่ยหมินอีก

กลับเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่เดินจากกันออกไป

“นาย....เฉินเกอ หยุดนะ!”

หูฮุ่ยหมินตะโกนเรียกออกมาด้วยความโมโห

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน