ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 390

บทที่390 คนใหญ่คนโตไม่มา

“เสี่ยวเซี๋ย อย่าพูดแบบนี้สิ”หวางเหวินพูด

ถึงแม้เธอเองก็ลำบากใจที่ต้องนั่งรถคันนี้ แต่ในเมื่อเฉินเกอไม่กลัวขายหน้า แล้วเธอจะกลัวทำไมล่ะ

แต่โห๋เสี่ยวเซี๋ยรับไม่ได้ “จะบ้าตาย เธอยอมนั่งเธอก็นั่งคนเดียวเถอะ ฉันไม่ยอมขายหน้านั่งเด็ดขาด เดี๋ยวฉันไปอยู่นอกงานเลี้ยงรอ ส่วนเฉินเกอ นายอย่าคิดว่าเรื่องรถชนจะจบลงง่ายๆนะ”

พอพูดจบโห๋เสี่ยวเซี๋ยก็รีบกวักเรียกรถแท็กซี่ แล้วรีบเดินทางไปที่งานเลี้ยง เพราะเธอจะต้องรีบไปหาแฟนของเธอให้เร็วที่สุด

“ผมว่า คุณอย่าไปเลยดีกว่า ตอนนี้น้องสาวของผมน่าจะทำอาหารเสร็จพอดี คุณไปกินข้าวกับพวกเราดีกว่า ถือซะว่าผมเลี้ยง”เฉินเกอพูด เพราะเฉินเกอยังถือว่าหวางเหวินเป็นเพื่อนร่มรุ่นอยู่

“ไม่ดีกว่า ฉันว่าฉันไปเป็นเพื่อนเธอดีกว่า เพราะเธอเพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุไป ฉันกลัวว่าเธอจะมีปัญหา” หวางเหวินมักจะจิตใจดีอย่างนี้เสมอ

แต่ว่า ถ้าต้องนั่งรถคันนี้ไปจริงๆ หวางเหวินก็ลำบากใจไม่น้อย ถึงเธอจะจิตใจดีแค่ไหน ก็รักหน้าตาของตัวเอง แต่ถ้าปฏิเสธเฉินเกอไป ก็อาจจะทำร้ายศักดิ์ศรีของเฉินเกอ ดังนั้นเธอลำบากใจมาก

แต่ทำอะไรไม่ได้ จึงพูดขึ้นมา “ก็ได้ เฉินเกอ นายส่งฉันที่หน้างานก็พอ”

“ได้เลย รถคันนี้แรงดีมาก ต้องไปถึงอน่างรวดเร็วแน่นอน”

เฉินเกอพูด ก่อนจะขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซด์พ่วง

ตี๊ด ตี๊ด

เขาบีบแตร เพื่อเรียกให้หวางเหวินขึ้นรถ

หวางเหวินก้มลงลง เพราะที่นี่มีคนอยู่ไม่น้อย ทำให้เธอหน้าแดงมาก

แต่สุดท้ายก็ยอมขึ้นนั่งบนรถของเฉินเกอ

“ไปกันเถอะ เสี่ยวเซี๋ยคงจะถึงที่งานแล้ว”หวางเหวินพูดเบาๆ แล้วก้มหน้าลง

เฉินเกอมองท่าทางอับอายขายหน้าของหวางเหวินแล้วไม่พูดอะไร

เฉินเกอไม่เคยคิดว่าการต้องนั่งรถสามล้อจะเป็นเรื่องที่อับอายขายหน้าอะไร

เขาสตาร์ทรถ แล้วมุ่งตรงไปยังจุดหมายทันที

งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมใหญ่ของฉู่ตู

ในเวลานี้ ในงานถูกจัดตกแต่งไปด้วยสีแดง ทั้งในโรงแรมและนอกโรงแรม ถูกปูพรมไว้หมด คนที่เดินเข้าไปล้วนแต่เป็นนักธุรกิจชั้นนำของที่นี่ และทางผู้จัดงาน ก็กำลังยืนต้อนรับแขกและถ่ายรูปกับแขกอยู่

ดูท่าทาง จะจัดงานเล็กๆนอกโรงแรมด้วย เพราะคนที่อยู่ข้างนอกก็มีเยอะเหมือนกัน

“เหวินเหวินใช่ที่นี่หรือเปล่า”เฉินเกอถาม

มีคุณชายอยู่หลายคนที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก และยังไม่รู้จักถอยทางให้รถ เฉินเกอบีบแตรใส่ไม่หยุด

ทำให้บรรดาคุณชายหันมามอง พอเห็นเฉินเกอขับรถซ้อนสาวเข้ามา จึงหันไปคุยกันยิ้มๆ

“เอาล่ะเฉินเกอ ส่งฉันลงที่นี่ก็พอแล้ว”หวางเหวินรู้สึกขายหน้ามาก

ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจมากที่ยอมให้เฉินเกอมาส่ง ยิ่งพอเห็นสายตาของทักคนมองมายิ่งทำให้เธอขายหน้า

“ได้เลย” เฉินเกอจอดรถหน้าประตูทางเข้า พอดีกับที่โห๋เสี่ยวเซี๋ยมีรับหวางเหวิน พอเห็นว่าหวางเหวินนั่งรถสามล้อมาจริงๆ ตาเธอแทบจะถลนออกมา

“เหวินเหวินเธอบ้าไปแล้วหรือเปล่า นี่เธอยอมให้เขาขับรถสามล้อมาส่งเธอจริงๆเหรอเนี่ย” โห๋เสี่ยวเซี๋ยโมโหจนหน้าแดง

“เสี่ยวเซี๋ยไม่ต้องพูดแล้ว เฉินเกอ นายกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวนายวันหลังนะ”

หวางเหวินเห็นว่าคนมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบพูดขึ้นมา

“ได้สิ”เฉินเกอพยักหน้าให้

“รถของประธานหลินมาถึงแล้ว”

ทันใดนั้นเองยามหน้าประตูก็ตะโกนออกมา ทำให้แขกที่มาร่วมงานรีบเดินมาต้อนรับ

“เฮ้ย ทำไมถึงมีรถสามล้อมาจอดอยู่ตรงนี้ได้ นายทำอะไร รีบถอยไปเดี๋ยวนี้”

ยามรีบเข้ามาผลักรถของเฉินเกอ

“อยากจะบ้าตาย” โห๋เสี่ยวเซี๋ยปิดหน้าตัวเอง ตอนนี้เธออยากจะตายให้มันพ้นๆไปเลย

“มีอะไรคุยกันดีๆก็ได้ ผลักรถผมทำไม ไปก็ได้”

เฉินเกอรีบสตาร์ทรถจากไปทันที

และคนที่เดินลงมาจากรถ ก็เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง พร้อมกับบรรดาคุณชายและคุณหนูทายาทของเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นแขกสำคัญของงานนี้

บรรดาประธานบริษัทนีบออกมาต้อนรับกันอย่างคับคั่ง

“ทุกท่าน ต้องขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเลี้ยงในคืนนี้ สามารถเชิญทุกท่านมาร่วมงานได้นับว่าเป็นเกียรติของผมมาก แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้ไม่สามารถเชิญคนใหญ่คนโตท่านหนึ่งมาที่งานได้”

ทุกคนที่มาร่วมงาน ต่างพากันมองมาที่ประธานของงานเลี้ยงในวันนี้ ก่อนจะถามออกมา “ใครกัน”

“คนใหญ่คนโตที่ไหนเหรอ ประธานโกว”ทุกคนถาม

และตอนนี้โห๋เสี่ยวเซี๋ยกับหวางเหวินก็เข้ามาในงานแล้ว และกำลังมองไปที่ประธานโกวที่ยืนอยู่บนเวที

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกหนาวใจเล็กน้อย

แล้วดึงแขนเสื้อของหลี่หลางแฟนหนุ่มเบาๆ “พี่เหลียงคนใหญ่คนโตที่เขาพูดคือใครเหรอคะ”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง เธอไม่เห็นเหรอว่าทุกคนกำลังถามอยู่” หลี่หลางตอบห้วนๆ เพราะครั้งนี้โห๋เสี่ยวเซี๋ยก่อปัญหาจนพ่อของเขารู้เรื่องแล้ว

โห๋เสี่ยวเซี๋ยรู้สึกน้อยใจจึงไม่พูดอะไรอีก

ความจริงแล้ว ที่สามารถมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้เธอดีใจมาก เพราะสามารถรู้จักกับคนรวยๆ แต่เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ

เพราะก่อนหน้านี้ เฉินเกอได้รับโทรศัพท์ ดูเหมือนคนที่โทรหาเขาจะชื่อประธานโกวด้วย ไม่รู้ว่าจะใช่คนเดียวกันหรือเปล่า

แต่พอมาคิดดูดีๆ มันจะใช่ได้ยังไงกันล่ะ คนอย่างเฉินเกอ ก็แค่พึ่งเพื่อนสนิทของตัวเอง ถึงได้รู้จักกับประธานโกว อย่างเขาน่ะเหรอจะมีดีอะไร พอคิดแบบนี้ โห๋เสี่ยวเซี๋ยถึงได้สบายใจขึ้นเยอะ

“เหอะๆ พูดถึงคนใหญ่คนโตท่านนี้ คงต้องคุยกันยาว ประธานหลินกับลูกสาวคงจะรู้จักเขาดี”ประธานโกวพูดยิ้มๆ

ส่วนประธานหลินก็ยิ้มอย่างได้ใจออกมา

และลูกสาวของประธานหลินก็สีหน้าเปลี่ยนไป ดูตื่นเต้นและดีใจมาก

“โธ่ ประธานโกวคุณรีบบอกมาสักทีสิ ว่าเขาเป็นใคร” ทุกคนได้ยินประธานโกวพูดแบบนี้ ก็ยิ่งสงสัย

“เอาอย่างนี้ครับ ผมให้คำใบ้กับทุกคน ทุกคนก็จะรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาอาศัยอยู่ที่บ้านพักที่แพงที่สุดในเมืองจินหลิง ผู้ครอบครองคฤหาสน์หยุนติ่ง ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมณฑลเจียงหนาน ประธานบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเมืองจินหลิง” ประธานโกวพูดอย่างตื่นเต้น

“อะไรนะ”

ทุกคนในงานร้องออกมาอย่างตกตะลึง

“ผมรู้แล้ว คือคุณชายเฉินแห่งเมืองจินหลิงผู้นั้น”

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน คุณชายเฉินจะมาที่เมืองฉู่ชวนได้ยังไงกัน”

“ถึงแม้ประธานโกวจะร้ายกาจยังไง ก็ไม่มีความสามารถพอจะเชิญคุณชายเฉินมาได้หรอก”

ทุกคนพากันวิเคราะห์

เห็นได้ชัดว่านักธุรกิจทุกคนกำลังคิดว่าประธานโกวพูดโอ้อวดอยู่

และคิดว่าประธานโกวยังไม่มีแม้แต่วิธีติดต่อกับเขาเลย

“ประธานโกวพูดแบบนี้ หรือว่าคุณจะติดต่อกับคุณชายเฉินได้ผ่านประธานหลิน และคิดจะใช้ชื่อของคุณชายเฉินมาทำให้ตัวเองดังขึ้นอย่างนั้นเหรอครับ”หลี่หลางพูดวิเคราะห์ออกมา

“แต่ผมได้ข่าวมาว่าประธานโกวได้รับมอบหมายงานของคุณชายเฉินมาหลายงานเลยนะครับ”นักธุรกิจคนอื่นๆหันไปพูดกับหลี่หลาง

“เสี่ยวเซี๋ย เหวินเหวินพวกคุณก็มาจากเมืองจินหลิงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ พวกคุณน่าจะรู้จักคุณชายเฉินนะ”อยู่ต่อหน้าทุกคนหลี่หลางจึงต้องไว้หน้าให้โห๋เสี่ยวเซี๋ยบ้าง

โห๋เสี่ยวเซี๋ยกับหวางเหวินส่ายหน้า แล้วพูด “พวกเราแค่เคยได้ยินเพื่อนๆเล่าให้ฟัง ว่าเขาร้ายกาจมาก ทุกคนในเมืองเมืองจินหลิงต่างก็รู้จักเขาดี แต่รายละเอียดที่ลึกกว่านั้นพวกเราเองก็ไม่รู้”

“เหวินเหวิน เธอลองโทรไปถามเพื่อนๆดู เมื่อตะกี้ฉันรีบร้อน จนโทรศัพท์ตกพื้นเสียไปแล้ว”

ในเมื่อบรรดานักธุรกิจสนใจเรื่องนี้ เธอที่เป็นคนในเมืองจินหลิง ถ้าพูดถึงเรื่องคุณชายเฉินไม่ได้ ก็น่าเสียหน้ามากเลย หวางเหวินพยักหน้าให้

พอเตรียมจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ถึงได้นึกขึ้นได้ “ตายแล้ว ฉันลืมกระเป๋าไว้ที่รถของเฉินเกอ…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน