หลังจากที่เฉินเกอดื่มไวน์แดงในมือจนหมด สายตาก็ไปหยุดอยู่บนร่างของชายหนุ่ม
ใบหน้าของเขายิ้มเล็กน้อย
“นายคงรู้สึกว่าใบหน้าด้านขวาของนายยังดีอยู่ ฟันก็ยังไม่ร่วงใช่มั้ย?”
เมื่อได้ยินพูดนี้ของเฉินเกอ ชายหนุ่มหดคอลงเล็กน้อย ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไปหลบอยู่ด้านหลังของอาสามของตัวเอง
“ไอ้หนุ่ม กล้ามากร่างที่ประเทศหนานเยว่ ตระกูลจางของฉันไม่มีทางที่จะปล่อยแก!”
ใบหน้าของเฉินเกอไม่สะทกสะท้านเลย และไม่ได้สนใจคำพูดของคนผู้นี้เลย
“ฉันก็อยากจะดูเหมือนกันว่าตระกูลจางของแกจะไม่ปล่อยฉันยังไง!”
เฉินเกอก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่างกายของเฉินเกอที่โหมซัดไปด้วยคลื่นพลัง และปะทุออกมา
คลื่นพลังนี้ กระแทกเข้าไปที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากที่นายท่านสามของตระกูลจางสัมผัสถึงคลื่นพลังที่โหมซัดเข้ามาแล้วนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
นายท่านสามของตระกูลจางในเวลานี้ ได้เปิดปากพูดขึ้น
“ท่านผู้นี้เป็นใคร? ถึงกล้าทำให้หลานชายของฉันอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คน ไม่เห็นตระกูลจางของฉันอยู่ในสายตา แกรู้หรือไม่ว่ามีความผิด?”
“มีความผิดอะไร?”
เฉินเกอยิ้มเยาะ
นายท่านสามของตระกูลจางเห็นเฉินเกอ ที่ท่าทีดื้อรั้น ก็มีความรู้สึกโกรธเล็กน้อย
“ไม่เห็นตระกูลจางของเราอยู่ในสายตา ก็มีโทษถึงตาย!”
“วันนี้อยู่ในงานเลี้ยงนี้ ฉันจะไว้ชีวิตแกก่อน อย่างไรก็ตามโทษตายละเว้นได้ แต่โทษเป็นหนีไม่พ้น ตอนนี้คุกเข่าลงมา ตระกูลจางของฉันก็จะอภัยให้แก!”
ได้ยินคำพูดของนายท่านสามของตระกูลจาง ใบหน้าของเฉินเกอยังคงมีรอยยิ้มที่เยาะเย้ย
“ตระกูลจางของพวกแกคืออะไร? รุ่นเด็กสู่ฉันไม่ได้ ก็ส่งผู้ใหญ่ออกมาเหรอ? หากผู้ใหญ่ก็สู้ฉันไม่ได้ งั้นก็คงต้องเชิญบรรพชนของพวกแกมาด้วยใช่มั้ย?”
ได้ยินคำพูดที่ต่อว่าของเฉินเกอ ทำให้นายท่านสามของตระกูลจางรู้สึกเสียหน้า
อีกทั้งยังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงที่ยืนอยู่โดยรอบ ตอนนี้ก็ได้รายล้อมเข้ามากันแล้ว
หากตระกูลจางไม่แก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว ในงานเลี้ยงนี้พวกเขาก็จะกลายเป็นแขกที่ถือสิทธิ์แสดงบทบาทเจ้าของบ้านเสียเอง
เมื่อถึงเวลานั้น อาจจะล่วงเกินตระกูลโกวได้
ตระกูลจางที่อยู่ในประเทศหนานเยว่ แม้ว่าศักยภาพจะถือว่าโดดเด่น อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับตระกูลโกวและสามตระกูลผู้ดี ก็ยังคงมีความห่างชั้นกันอยู่มาก
มันไม่คุ้มค่าเลยเพื่อไอ้หนุ่มที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง แล้วต้องล่วงเกินคนที่มีอำนาจมหาศาล
หากเป็นเช่นนั้น หากยังต้องการอยู่ขยายธุรกิจให้มั่นคงต่อเนื่องในประเทศหนานเยว่ มันก็จะยากแล้ว
ดังนั้น คราวนี้นายท่านสามของตระกูลจาง แค่ต้องการจัดการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
นายท่านสามของตระกูลจางจึงกล่าวอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่ม ให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย คุกเข่าแล้วคำนับยอมรับผิด เห็นแก่หน้าของตระกูลโกว ฉันจะไว้ชีวิตของแก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของนายท่านสามของตระกูลจาง ใบหน้าของเฉินเกอ มีรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
เฉินเกอยักไหล่แบมือ
“ตระกูลจาของแกมันคืออะไร อีกอย่างแกก็ไม่ถามรายละเอียดความเป็นมาของเรื่องให้ชัดเจน ก็มาถามหาความผิด หลายปีมานี้มีชีวิตอยู่เสียเปล่า?”
เห็นเฉินเกอที่แข็งกร้าวเช่นนี้ ทำให้นายท่านสามของตระกูลจางขายหน้าไปโดยสิ้นเชิง
“ในเมื่อให้เกียรติแล้วไม่เอา พูดดีๆ แล้วไม่ชอบ วันนี้ฉันก็จะสงเคราะห์แกเอง!”
นายท่านสามของตระกูลจางพูดทิ้งท้ายแล้ว ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ได้มาถึงตรงหน้าของเฉินเกอ
ทันใดนั้นตบฝ่ามือออกไป ภายใต้แรงที่อยู่ในฝ่ามือนี้ เต็มไปด้วยคลื่นพลัง และปะทุออกมา
ทิศทางลมโดยรอบ ก็เปลี่ยนไปด้วย และรู้สึกเหมือนกำลังจะพุ่งออกไป
ก็เห็นฝ่ามือนี้ตบเข้ามา เฉินเกอไม่ได้ถอยแต่กลับก้าวไปข้างหน้า กระแทกเข้ากับหมัดอย่างแรง
เมื่อหมัดนี้ปรากฏขึ้น มีความรู้สึกเหมือนดาบถูกดึงออกจากฝัก และความเร็วของหมัดนั้นเร็วมาก ทำให้เกิดพายุหมุนกระหน่ำโดยรอบ
ไม่เพียงแต่เท่านี้ ยังสามารถได้ยินเสียงแตกซ่านกลางอากาศ
รอยฝ่ามือของทั้งสอง และความแรงของหมัด ชนกันกลางอากาศ
เกิดเสียงที่ดังสนั่น แรงอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุขึ้นที่ใจกลางของการชนกันด้วยการกระแทก
ความแรงนี้ที่อยู่ในความว่างเปล่า เหมือนกับคลื่นเสียงระลอกคลื่น กระพือออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...