"ถ้าผมจำไม่ผิด กฎหมายโวกั๋วของพวกคุณถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก เคซา คิมคาวะจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลาหลายปีหรืออาจจะนานกว่าสิบปี ถึงแม้ว่าเขาจะออกจากคุกก็ยังต้องสวมปลอกขาชนิดพิเศษของผู้ต้องหาคดีข่มขืน อีกทั้งผมคิดว่านี่ไม่ใช่แค่ความอัปยศสำหรับเขา แต่ยังรวมถึงตระกูลคิมคาวะของพวกคุณด้วย?"
เฉินเกอยกมือไปรับถ้วยชาที่ทากูยะ ฟุตาบะยื่นมาให้ จากนั้นก็จิบคำหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
"คุณเฉินเกอ คุณคงไม่ได้กำลังคิดว่าตระกูลคิมคาวะของเราไม่มีหนทางจะรับมือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้หรอกนะ?" เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเกอ ริวโรคุ คิมคาวะก็หัวเราะลั่น "บอกนายตามความจริงแล้วกัน อย่าว่าแต่การข่มขืนเลย ต่อให้เป็นการฆาตกรรม ตระกูลของเราก็จัดการกับมันได้ ฉันคิดว่าทากูยะ ฟุตาบะก็สมควรทำได้เช่นกันใช่ไหม?"
สีหน้าของทากูยะ ฟุตาบะมืดคล้ำอยู่บ้าง สิ่งที่ริวโรคุ คิมคาวะพูดมานั้นไม่ผิด อาศัยอำนาจและสถานะของตระกูลคิมคาวะในโว๋กั๋ว เป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือที่จะยุติคดีข่มขืน ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจและศาลในท้องที่เองก็ไม่กล้าต่อต้านคนในสถานะอย่างเคซา คิมคาวะหรือกล้าไปทำให้ตระกูลคิมคาวะขุ่นเคือง
"คุณสามารถโทรไปถามเคซา คิมคาซะสักหน่อยก็ได้ ถ้าเกิดเขาไม่ถือสา ผมก็จะไปแจ้งความ" สีหน้าของเฉินเกอยังคงเป็นธรรมชาติอย่างมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ริวโรคุ คิมคาวะพูดเลยแม้แต่น้อย
"ได้ ฉันจะทำ!"ริวโรคุ คิมคาวะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที จากนั้นก็โทรไปหาเคซา คิมคาวะ
เมื่อสายถูกเชื่อมต่อ ริวโรคุ คิมคาวะก็เอ่ยอธิบายสถานการณ์ที่นี่ออกมา จากนั้นก็กำลังรอให้เคซา คิมคาวะบอกว่าเขาตกลงที่จะให้อีกฝ่ายแจ้งตำรวจ เพื่อเป็นการหักหน้าเฉินเกออย่างแรงและบีบบังคับทากูยะ ฟุตาบะไปด้วยในเวลาเดียวกัน
แต่ที่ไม่คาดคิดก็คือ เคซา คิมคาวะกลับตะโกนด่าลั่นออกมาทางโทรศัพท์ บอกว่าหากให้คนในตระกูลฟุตาบะไปแจ้งความ อย่างนั้นริวโรคุ คิมคาวะก็ไม่ต้องกลับไปที่ตระกูลอีก
หลังจากพูดจบประโยค เคซา คิมคาวะก็ตัดสายไปทันที เหลือเพียงสีหน้าอึ้งงันของริวโรคุ คิมคาวะทิ้งไว้
เขาไม่รู้ว่าทำไมคุณชายถึงพูดอย่างนั้น แต่สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คืออย่าให้เฉินเกอไปแจ้งตำรวจและเปิดเผยเรื่องก่อนหน้านี้
"เป็นไง เคซา คิมคาวะพูดว่ายังไงบ้าง?" เฉินเกอสามารถเดาสิ่งที่พูดทางโทรศัพท์ได้อยู่บ้างจากการแสดงออกทางสีหน้าของริวโรคุ คิมคาวะ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เคซา คิมคาวะจะเปิดเผยออกมา
"คุณชายบอกว่าพวกคุณสามารถไปแจ้งตำรวจได้ แต่ว่าคนใหญ่คนโตใจย่อมต้องกว้าง เห็นแก่หน้าของตระกูลฟุตาบะและคุณหนูทาตายุเขาจะไม่เอาเรื่อง แต่ขอเตือนคุณว่าอย่าได้ทำเรื่องพวกนี้อีก ไม่อย่างนั้นคุณต้องเจอดีแน่!"
สมองของริวโรคุ คิมคาวะทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็คิดคำพูดกลบเกลื่อนออกมาได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นและเอ่ยกับเฉินเกอ
"อย่างนั้นก็ต้องขอขอบคุณคุณชายเคซาของพวกคุณแล้ว"
"รบกวนช่วยบอกเขาให้ผมอีกสักครั้งด้วย ถ้าเขายังกล้าทำแบบนั้นในอนาคต ผมจะให้เขาจ่ายค่าชดใช้ออกมาอย่างเท่าเทียม" เฉินเกอยิ้ม
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าบ้านทากูยะ หากไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อน" ริวโรคุ คิมคาวะลุกขึ้นและแสร้งทำเป็นเอื้อมมือไปจับกับทากูยะ ฟุตาบะแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
เขาอยากกลับไปถามเคซา คิมคาวะว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แบบนี้ทีหลังเขาต้องติดต่อกับตระกูลฟุตาบะก็จะได้รู้เอาไว้ก่อนในใจว่าเขาต้องทำอะไรและพูดอะไร
หลังจากที่ริวโรคุ คิมคาวะจากไป ทากูยะ ฟุตาบะและคนของเขาต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พวกเขาต่างก็กังวลต่อการมาหาเรื่องของตระกูลคิมคาวะในครั้งนี้อยู่บ้าง กลัวว่าจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ของตระกูลที่อันตรายอยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปอีก
"เฉินเกอเอ๋ย นายไปทำอะไรที่บ้านของตระกูลคิมคาวะมากัน? แค่เพียงโทรไปครั้งเดียว ริวโรคุ คิมคาวะก็กลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว?" หลังจากลูกน้องปิดประตูลง ทากูยะ ฟุตาบะก็ถามขึ้นมาทันที เขาเองก็เห็นถึงความผิดปกติของ ริวโรคุ คิมคาวะ เพียงแต่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาในตอนนั้น
"ก็แค่ใช้อุบายเล็กน้อย เจ้าบ้านทากูยะเองก็อย่าได้ถามอีกเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...