ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา นิยาย บท 13

ซูซานหลางถือห่อใบไม้ในมือแล้วเอ่ยว่า "ซานเม่ยของเรานี่ช่างเป็นเด็กเอาการเอางานนัก นางช่วยให้อาหารไก่ แล้วยังจับแมลงได้ตั้งหลายตัว ข้าคิดจะนำไปทำเหยื่อล่อใส่กับดัก"

ซูซานหลางหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ก็แค่เดินเพิ่มอีกสักรอบ ไม่ได้เหนื่อยยากอันใดเลย”

ซูซานเม่ยอุตส่าห์จับแมลงได้มากมาย หากเขามิได้ออกไปวางกับดักสักรอบก็คงเป็นการมองข้ามความพยายามของนาง เดิมทีเขาคิดจะปล่อยให้กับดักเป็นไปตามโชคชะตา จึงมิได้ใส่เหยื่อล่อ แต่ซูซานเม่ยได้เตือนเขาว่า นกทั้งหลายล้วนชื่นชอบแมลงเหล่านี้ หากมีเหยื่อ โอกาสที่จะจับได้ย่อมมีมากขึ้น

ซูซานหลางมองไปทางด้านของจ้าวซื่อ เห็นซูเสี่ยวลู่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ นางนั่งฟังเงียบ ๆ อย่างเรียบร้อยและสงบนิ่ง

เขายิ้มพลางพูดกับซูเสี่ยวลู่ว่า “เจ้าสี่ ดูพ่อสิ”

ซูเสี่ยวลู่มองไปที่ซูซานหลาง แต่สายตาไม่ได้จับจ้องไปที่ใบหน้าของเขา กลับมองไปที่ห่อใบไม้ในมือของเขาแทน นางได้กลิ่นฉี่ของตัวเอง...

นางรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หรือว่าแมลงพวกนี้อาจจะกินน้ำสกปรกจากผ้าอ้อมที่พี่สาวของนางซักไปแล้วกระมัง

ซูเสี่ยวลู่มีประสาทรับกลิ่นที่ไวมาก เมื่อได้กลิ่นแล้วจะจำได้ทันที ปกติปัสสาวะของทารกแทบจะไม่มีกลิ่น แต่นางกลับได้กลิ่นพลังทิพย์ที่คุ้นเคย แม้จะจางมาก แต่นางก็ไม่พลาดที่จะจับสัมผัสได้

ซูซานหลางมองดูซูเสี่ยวลู่ที่ดูเหมือนจะสนใจห่อใบไม้ในมือของเขา เขายิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าสี่อยากจับแมลงหรือ ตอนนี้ยังจับไม่ได้ รอให้เจ้าโตเสียก่อน แล้วพ่อจะให้ซานเม่ยพาเจ้าไปจับ ตอนนี้ต้องเป็นเด็กดีนะ พ่อจะออกไปทำงานแล้ว”

หลังจากสนทนาได้สักพัก ซูซานหลางก็ถึงเวลาออกไปทำงาน

จ้าวซื่ออยากให้เขาได้พักผ่อนมากกว่านี้ แต่ซูซานหลางยิ้มพลางพูดขณะเดินออกจากเรือนว่า “ข้าออกไปทำงานเหมือนได้เดินเล่น แม่ของลูก เจ้าพักผ่อนให้ดี หากหิวหรือกระหายก็เรียกซานเม่ยเถิด”

จ้าวซื่อรู้สึกจนปัญญา ก่อนจะหันไปมองซูเสี่ยวลู่อย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวว่า "เจ้าสี่เอ๋ย ต่อไปเจ้าต้องกตัญญูต่อท่านพ่อของเจ้านะ ท่านพ่อของเจ้านั้นคือบุรุษที่ดีที่สุดในโลกนี้เลย"

ซูเสี่ยวลู่มองจ้าวซื่อที่สุขภาพดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางยิ้มพลางส่งเสียง “แงงงง”

แน่นอน บุรุษเช่นท่านพ่อของนางนั้นหาได้ยากยิ่ง เขาปกป้องนางเมื่อยังเยาว์วัย และนางก็จะดูแลเขายามแก่เฒ่า

จ้าวซื่อมองดูซูเสี่ยวลู่ด้วยสายตาอ่อนโยน แม้ว่านางจะเป็นเพียงทารกที่ยังไม่เข้าใจสิ่งใด แต่นางก็มักพูดกับลูกสาวอย่างจริงจังทุกครั้ง เมื่อได้มองดวงตากลมโตดำขลับดั่งองุ่นของซูเสี่ยวลู่ จ้าวซื่อก็รู้สึกเสมือนว่านางเข้าใจทุกคำพูด

ทุกครั้งที่จ้าวซื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยทำปากเป็นรูปตัวโอ หรือส่งเสียง ‘แงงงง’ นางก็รู้สึกว่าซูเสี่ยวลู่กำลังตอบสนองต่อสิ่งที่นางพูด

จ้าวซื่อพิงตัวอยู่บนเตียง มือข้างหนึ่งโอบซูเสี่ยวลู่อย่างเกียจคร้าน ค่อย ๆ ตบเบา ๆ เพื่อกล่อมให้หลับ นางยิ้มบาง ๆ ภายในห้องสว่างไสว เงียบสงบ ไร้เสียงด่าทอหรือความวุ่นวาย บรรยากาศช่างสงบและสบายใจยิ่งนัก

นางยังได้ยินเสียงของลูก ๆ ทั้งสามที่อยู่ไม่ไกลจากนอกเรือน กำลังช่วยกันทำความสะอาดบ่อน้ำ

"ช่างดีอะไรเช่นนี้" จิตใจของจ้าวซื่อรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นในขณะนั้น

ซูเสี่ยวลู่หลับอย่างว่าง่าย แต่จิตสำนึกของนางได้เข้าไปยังมิติเพื่อดูดซับพลังทิพย์

...

ซูซานหลางเดินไปตามที่ดักสัตว์ แล้วโรยแมลงลงในแต่ละกับดัก จากนั้นจึงไปตัดหญ้า

เขาตัดหญ้าทั้งบ่าย และทยอยขนหญ้ากลับเรือนหลายรอบ

ทำอาหารเย็น หลังจากกินข้าวเสร็จ เขาก็เริ่มลงมือสานหญ้า

เฉินหู่มาช่วยงานอีกครั้ง ทั้งสองยิ้มให้กันโดยมิได้พูดคุยมาก ต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาสานหญ้าในความเงียบ จนกระทั่งใกล้ถึงยามจื่อ ซูซานหลางหยุดทำและตบไหล่เฉินหู่เบา ๆ "เจ้าหู่ ขอบใจมาก ข้าคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้ว พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้วนะ"

ใต้แสงจันทร์ เฉินหู่ยิ้มอย่างซื่อ ๆ แล้วกล่าวว่า "ได้ ข้าจะกลับเรือนแล้ว พี่เองก็พักผ่อนเสียบ้างเถิด"

ซูซานหลางพยักหน้า มองดูเฉินหู่จากไป จากนั้นจึงเก็บหญ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะไปพักผ่อน

วันที่สิบสามของเดือนสิงหาคม เป็นวันที่สามนับตั้งแต่ครอบครัวเขาแยกออกมา

วันนี้ซูซานหลางมิได้ออกไปไหน แต่เตรียมการซ่อมหลังคาแทน

ตอนที่ 13 กลิ่น 1

ตอนที่ถูกล็อก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา