ซ่งรั่วเจินไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดของตนจะทำให้ทั้งสองตีความไปผิดทาง นางกล่าวต่อ “ข้าตรวจดูสภาพร่างกายของพี่ลั่วแล้ว ร่างกายของนางไม่แข็งแรงจริงๆ จำต้องดูแลให้ดี มิให้มีสิ่งใดกระทบกระเทือนอีก”
“ปิดบังความจริงไว้ชั่วคราวเป็นทางเลือกที่ถูก แต่ข้าคิดว่าสกุลเหยามิใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน[1]”
“หากพวกเขาล้มเลิกการหมั้นหมายนี้เสีย แล้วรู้ว่าท่านจะหมั้นกับพี่ลั่ว คงแพร่ข่าวไปทั่วเป็นแน่”
ดวงตาของซ่งเยี่ยนโจวฉายแววเย็นชา “เช่นนั้น ก็ทำให้พวกเขาเพียงแค่เรื่องของตนเองก็เต็มกลืน”
“เจินเอ๋อร์ ร่างกายของชิงอินยังฟื้นฟูได้หรือไม่?” หลิ่วหรูเยียนถามด้วยความกังวล “แม่ไม่ได้กลัวว่าจะมีบุตรไม่ได้ ทว่าไม่อยากมีบุตรกับไม่อาจมีบุตรย่อมแตกต่างกัน”
“ข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “การฟื้นฟูร่างกายของพี่ลั่วต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ข้าเชื่อว่านางจะค่อยๆ หายดีได้ การตั้งครรภ์ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย”
“อาการทางใจต้องรักษาด้วยหมอและยาทางใจ นางยึดติดกับพี่ใหญ่มาตลอด ทุกข์ใจเรื้อรัง แต่หากพี่ใหญ่กับนางได้กลับมาเป็นอย่างเช่นเคย นางจะต้องค่อยๆ ดีขึ้นแน่”
แววตาของซ่งเยี่ยนโจวเต็มด้วยความคาดหวัง “หมายความว่าหากร่างกายของชิงอินฟื้นฟูดีแล้ว นางก็ยังมีหวังใช่หรือไม่?”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
ซ่งรั่วเจินยิ้มอย่างอ่อนโยน แม้ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย แต่นี่ก็เป็นถึงพี่สะใภ้ของนาง!
เพียงแต่ว่า สกุลลั่วเองหลังจากที่เชิญหมอหลายต่อหลายคนคนมาดูอาการของลั่วชิงอิน ต่างก็ได้รับผลลัพธ์เหมือนๆ กัน ในใจก็รู้สึกสิ้นหวังหดหู่เสียแล้ว
ลั่วหยวนหงใช้เงินจำนวนมากให้หมอทุกคนปิดปากเงียบสนิท ไม่ให้เล็ดลอด ทั้งยังเตรียมการณ์กันไว้ไม่ให้บอกความจริงกับลั่วชิงอิน
เพียงพริบตาเดียว ก็ถึงวันสอบฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ที่หน้าสนามสอบ บรรดาบัณฑิตที่มาเข้าร่วมการสอบต่างทยอยเดินกันเข้ามา ฉินเซี่ยงเหิงซึ่งหายหน้าไปหลายวันก็ปรากฏตัวสู่สายตาของผู้คนแล้วเช่นกัน
เทียบกับสายตาอิจฉาระคนนับถือในตอนแรกแล้ว บัดนี้ทุกสายตาต่างแปรเปลี่ยนเป็นเยาะเย้ยดูแคลน



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...