“ท่านอ๋อง ส่งน้องหญิงห้ามาให้กระหม่อมเถิะพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่งจืออวี้กล่าวขึ้นอย่างอดไม่อยู่
ฉู่จวินถิงฝีเท้าเร็วยิ่ง น้ำเสียงเร่งร้อน “รถม้าอยู่ข้างนอก รีบไปหาหมอสำคัญกว่า”
ซ่งรั่วเจินรู้สึกได้ว่าน่าจะพ้นสายตาคนสกุลไป๋แล้วจึงลอบลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมาดูลาดเลา แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความร้อนใจของฉู่จวินถิง
ท่าทางแบบนั้น...ร้อนใจจริงๆ ด้วย
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ” ซ่งรั่วเจินกระซิบบอก “หม่อมฉันจงใจแสดงละครตบตาพวกเขาเพคะ”
ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวในอ้อมกอด ดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นซีดขาว แลดูอ่อนแออย่างยิ่ง ขณะพูดจาแววตาหลุกหลิก สะท้อนความร้อนตัวออกมาหลายส่วน เขานึกฉุนจนหัวเราะออกมา
“แสดง? แล้วทำไมหน้าเจ้าถึงซีดขนาดนั้น?”
“ดีชั่วอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นหมอคนหนึ่งเหมือนกันนะเพคะ แสร้งเป็นลมก็พอจะมีชั้นเชิงอยู่บ้าง” ซ่งรั่วเจินอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน
แสร้งเป็นลมแสร้งโง่ ทักษะจำเป็นแบบนี้จะขาดไปได้อย่างไรกันเล่า?
ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยความอ่อนใจ “จู่ๆ เจ้าจะแสร้งเป็นลมทำไม?”
“ถ้าหม่อมฉันไม่แสร้งเป็นลม คนสกุลไป๋สองคนนั้นจะยอมปล่อยหม่อมฉันไปหรือเพคะ? ท่าทางเหมือนสุนัขบ้าแบบนั้น”
ดวงตาซ่งรั่วเจินฉายแววรำคาญใจ แทนที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับคนที่ไม่สนใจเหตุผลแบบนั้น แสร้งเป็นลมประหยัดแรงกว่ามาก
“หากเป็นยามปกติ หม่อมฉันไม่มีทางไปยุ่งกับคนแบบหลี่ว์เหวินซิ่วเด็ดขาด แต่ในเมื่อต้องตอบแทนน้ำใจของท่านอ๋อง ก็ย่อมต้องช่วยเหลือให้ถึงที่สุด”
“สาเหตุที่บอกเรื่องทั้งหมดกับนาง ก็เพราะอยากให้นางได้สารภาพสิ่งที่เคยทำมาทั้งหมดต่อหน้าไป๋โหวก่อนที่นางจะสิ้นลม ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นในภายหลัง”
ฉู่จวินถิงเข้าใจเจตนาของซ่งรั่วเจินแล้ว
หากไม่เกิดเรื่องเย็นวันนี้ จนตายหลี่ว์เหวินซิ่วก็คงไม่ยอมสารภาพความจริงออกมา

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...