ดวงตาลึกล้ำของฉู่จวินถิงเต็มเปี่ยมด้วยความจริงจัง เขาจ้องมองซ่งรั่วเจินอย่างลึกซึ้งพลางกล่าว “หากข้าจะเชิญเจ้า ย่อมต้องมารับเจ้าด้วยตัวของข้าเอง คำเชื้อเชิญอื่นใดล้วนไม่ต้องเชื่อถือ”
ซ่งรั่วเจินแทบไม่เคยเห็นชายหนุ่มผู้นี้มีท่าทีเคร่งขรึมจริงจังเช่นนี้มาก่อน นางจึงพยักหน้าลงโดยไม่รู้ตัว ทว่าหัวใจกลับเต้นระรัวแรงโดยไร้เหตุผล
เป็นมีศักดิ์เป็นถึงฉู่อ๋อง อะไรคือย่อมต้องมารับนางด้วยตัวของเขาเองกันเล่า?
ครานี้อย่าว่าแต่ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งจืออวี้เลย กระทั่งหลิ่วหรูเยียนที่ความรู้สึกค่อนข้างช้า ยามนี้ก็มองออกแล้วว่าฉู่อ๋องผู้นี้มีความรู้สึกพิเศษต่อบุตรสาวของตนอย่างไร
ใครหน้าไหนกันเล่าที่ทำให้ฉู่อ๋องมารับถึงที่ด้วยตนเองได้?
กระทั่งคุณหนูจวนเสนาบดีก็ไม่มีผู้ใดเคยได้รับเกียรติเช่นนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นพอได้ยินว่ารั่วเจินเกิดเรื่องก็ยังถ่อมาหาด้วยตนเอง ทั้งยังนำของบำรุงมาให้อีก หากเป็นแต่ก่อนเรียกได้ว่าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
สวีเฮ่ออันกำหมัดแน่น เผลอมองไปยังซ่งรั่วเจินโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นับตั้งแต่ได้พบกับนางเมื่อครั้งก่อนเขาก็เกิดสั่นไหวขึ้นในจิตใจอย่างไม่หยุดหย่อน เดิมทีคิดว่ามีมารดาคอยเป็นสะพาน เขากับซ่งรั่วเจินก็มีโอกาสได้ร่วมเรียงเคียงหมอนแล้ว
ทว่าเขามิได้คาดคิดเลยว่าฉู่อ๋องจะมีใจให้กับนางอยู่เช่นเดียวกัน ถึงขนาดเช่นวันนี้แล้ว...ก็ดูจะนำเอาความในใจเปิดเผยออกไปอย่างชัดเจนแล้วเสียด้วย
“เจ้าจำคำของข้าได้หรือไม่?” ฉู่จวินถิงจ้องมองซ่งรั่วเจินก่อนเอ่ยถาม
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หม่อมฉันจำได้เพคะ”
“อีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลงานวัด ข้าจะมารับเจ้าเอง” ฉู่จวินถิงกล่าวต่อ
ซ่งรั่วเจินเผลอพยักหน้า แต่เมื่อได้ทำความเข้าใจความหมายดีแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เทศกาลงานวัดหรือ?”
“วันนั้นพอดีกับวันประกาศผลของพี่ชายรองของเจ้า ข้าเดาว่าในจวนเจ้าคงจะได้ฉลองกันใหญ่โต จึงอยากรอหลังมื้ออาหารค่ำผ่านพ้นไปแล้วชวนเจ้าออกเที่ยวชม ไม่รู้ว่าเจ้าจะมีเวลาว่างหรือไม่?”
ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่จวินถิงประดับพรายด้วยร้อยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน ไม่เป็นเฉกเช่นคืนวันเก่าก่อนที่มักนิ่งเฉยเย็นชาต่อผู้อื่น ยามนี้เขาราวกับถูกอาบล้อมด้วยลมวสันต์ก็มิปาน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...