ถ้อยคำนี้พูดออกไปแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเจี่ยงเหวินจิ้ง แม้แต่ถังเสวี่ยหนิงเองก็นั่งไม่ติดแล้ว วาจาของพวกเขาไม่น่าฟังจริงนั่นล่ะ แต่ซ่งรั่วเจินนี่คือกำลังด่าคน!
“นี่เจ้าไปฟังมาจากที่ใด? เห็นได้ชัดว่าจงใจสร้างข่าวลือ!” พานเหราชี้หน้าด่าว่าซ่งรั่วเจินอย่างโมโห
“ข้าตั้งใจสร้างข่าวลือ? พวกเจ้าต่างหากกระมัง?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว สายตาเย็นชาลงทีละน้อย
“มองไม่ออกว่าเดิมทีข้าไม่อยากใส่ใจพวกเจ้ากระนั้น? แต่ละคนก็ไม่ดูตนเองบ้างว่านับเป็นตัวอะไร คิดว่าสองสามคนสมรู้ร่วมคิดกันมาเยาะหยันสองประโยคก็แสดงความยุติธรรมได้แล้วรึ?”
“อยากสนทนากับซื่อจื่อเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไปด้วยตนเองเถอะ ไม่เห็นจะต้องคนอื่นพูดหนึ่งประโยคก็ริษยาตาแดงเช่นนี้ หน้าตาใจแคบเชิดหน้าชูตาไม่ได้โดยแท้!”
“ข้าเห็นพวกเจ้าเช่นนี้ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่คล้ายคุณหนูสายตรง กลับคล้ายท่าทางของอนุคนหนึ่ง น่าสนใจจริงๆ”
พริบตาต่อมาคนอื่นบนโต๊ะล้วนเบิกตากว้าง คิดเพียงว่าถ้อยวาจาของซ่งรั่วเจินคมกริบเกินไปแล้ว คำพูดเช่นนี้พูดลับหลังก็นับว่าใจกล้ามากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดว่าถึงขั้นพูดต่อหน้า!
ฉีกหน้ากันจนหมดแล้วจริงๆ ไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย!
เพียงแต่คนในงานเลี้ยงก็มีไม่น้อยไม่ชอบพวกเจี่ยงเหวินจิ้ง ขณะเดียวกันเพียงได้ยินก็รู้สึกมีความสุข
ซ่งรั่วเจินไม่ได้พูดเหลวไหล นางมีภาพความทรงจำต่อเจี่ยงเหวินจิ้งและพานเหราอยู่บ้าง เพราะในนิยายต้นฉบับคนเหล่านี้ก็เป็นสุนัขรับใช้ข้างกายฉินซวงซวง
ต่อจากหลินจื่อเยว่ได้รับตำแหน่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในราชสำนัก ฉินซวงซวงย่อมกลายเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมในสายตาคนเหล่านี้ แต่ละคนล้วนคิดหาหนทางไปเอาใจ เพียงแต่บัดนี้ฉินซวงซวงถูกโจมตี ดังนั้นพวกเขาจึงมิได้สมรู้ร่วมคิดกัน
คิดไม่ถึง...ไม่ได้เป็นสุนัขรับใช้ของฉินซวงซวงแล้ว กลับกลายเป็นสุนัขรับใช้ของถังเสวี่ยหนิง
คนเหล่านี้สามารถพูดได้ว่าขึ้นชื่อเรื่องชอบรังแกคนอื่นภายในเมืองหลวง หากไม่ชอบแม่นางคนใดก็คิดหาหนทางปล่อยข่าวลือกดดัน น่าเสียดายวันนี้คิดรังแกนาง นับว่าพวกเขาซวยแล้ว!

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...