“ข้าไม่รู้เลยว่าสหายธรรมดาจะมอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้กัน ที่บ้านเจ้าไม่เคยสอนเจ้าหรือว่าไม่อาจรับสิ่งของที่บุรุษทั่วไปมอบให้ หรือจะบอกว่าหากอยากเป็นสหายกับแม่นางเคอ จะต้องกำนัลเงินก้อนโตให้อีกด้วย?”
“อย่างอื่นข้าไม่พูดถึงก็แล้วกัน แต่กำไลบนมือเจ้าวงนั้นเป็นสิ่งของที่แม่ข้าเก็บไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ พี่สี่ของข้าทะนุถนอมอย่างยิ่ง ยามนี้สวมอยู่บนข้อมือเจ้า เจ้ากลับบอกว่าพี่สี่ของข้าเป็นแค่สหาย?”
เมิ่งชิ่นจุ๊ปากทอดถอนใจ “เครื่องประดับที่เจ้าประโคมใส่บนร่างล้วนได้มาจากคุณชายสี่สกุลซ่ง ถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อกระมัง?”
“ข้า ข้าไม่รู้ ก่อนหน้านี้เป็นเขาอยากให้ข้ามาเอง ข้าไม่รับ เขาก็วางของไว้แล้ววิ่งหนีไป ข้ากลัวว่าจะทำร้ายจิตใจเขาถึงได้ฝืนใจรับไว้”
เคอหยวนจื่อสุดจะระงับโทสะในใจ ไม่เพียงแต่ขุ่นเคืองซ่งรั่วเจิน แม้แต่ซ่งจิ่งเซินก็ยังพลอยโกรธเคืองไปด้วย
แม้แต่น้องสาวตัวเองก็ยังจัดการไม่ได้ ปล่อยให้นางบังอาจมาคาดคั้นตนเอง รอจนซ่งจิ่งเซินกลับมาแล้ว นางจะต้องไปคิดบัญชีนี้กับเขาแน่นอน!
“ฝืนใจขนาดนั้นเชียว? พี่สี่ของข้าจะทำให้คนอื่นลำบากใจเกินไปแล้ว? ถึงได้บังคับให้เจ้ารับของขวัญเหล่านี้เอาไว้ ยังบังคับให้เจ้าสวมใส่มันอีก ช่างเกินไปแล้วจริงๆ!”
ได้ยินคำพูดเหน็บแนมของซ่งรั่วเจินแล้ว เหล่าคนมุงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่
“ปกติเคอหยวนจื่อเที่ยวอวดสิ่งของเหล่านี้ไปทั่วเหมือนของล้ำค่า ดูไม่ออกเลยว่าฝืนใจตรงไหน”
“ของเหล่านี้ล้ำค่าขนาดไหน? ยังมาพูดเหมือนลำบากใจเสียเต็มประดา ถ้าเป็นสหายธรรมดาจะกล้ารับของล้ำค่าขนาดนี้ไว้ได้ยังไง?”
“คุณชายสี่สกุลซ่งโง่ใช่ไหมเนี่ย ถึงได้ถูกคนสนตะพายเอาแบบนี้”
ซ่งจิ่งเซินอยู่ในเมืองหลวงได้ชื่อว่าเป็นคนมือเติบ ปกติมีคนจำนวนไม่น้อยที่อิจฉาเคอหยวนจื่อ ทั้งยังรู้สึกว่าซ่งจิ่งเซินช่างโง่งมจริงๆ ถูกคนเขาปั่นหัวเอาก็ยังยินยอมพร้อมใจอีก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...