หลิ่วหรูเยียน “…” สูญเสียความทรงจำเข้าหน่อยก็กลายเป็นลูกกตัญญูเลยเชียวหรือ?
จวบจนซ่งจิ่งเซินและทุกๆ คนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนแล้ว หลิ่วหรูเยียนจึงได้หันถามซ่งรั่วเจิน “เจินเอ๋อร์ เจ้าช่วยจับชีพจรตรวจดูพี่สี่ของเจ้าทีสิ ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ชีพจรพี่สี่ปกติดี ร่างกายก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล เขาเพียงเดินทางติดต่อกันหลายวันหลายคืนจึงได้เหนื่อยล้าไปบ้าง พักผ่อนสักระยะก็ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินตอบ
หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าก็ยังอดห่วงไม่ได้ “เช่นนั้นความทรงจำของพี่สี่เจ้าจะหวนฟื้นคืนได้เมื่อใดเล่า?”
ซ่งอี้อันและซ่งจืออวี้เองก็ใส่ใจในเรื่องนี้เป็นที่สุดเช่นกัน ทว่าเมื่อได้พูดคุยกันอยู่ครู่แล้วพวกเขาถึงพบว่านอกเหนือจากเรื่องของเคอหยวนจื่อที่ซ่งจิ่งเซินลืมไปหมดสิ้น เรื่องราวอื่นใดก็ล้วนแจ่มชัดไม่มีขาดหาย
ซ่งรั่วเจินยักไหล่ “สมองของเขากระทบกระเทือน ยังคงมีเลือดคั่งบางส่วนตกค้างมิสลายหาย ดังนั้นความทรงจำบางส่วนจึงได้ไม่แจ่มชัดนัก รอจนสลายหายไปจนหมดสิ้นแล้วก็จะดีขึ้นมาเองเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นมิใช่ว่าหากความทรงจำหวนกลับคืนมาแล้วก็จะเกิดเสียใจภายหลังอีกคราหรือ?”
หลิ่วหรูเยียนหน้าถอดสี เรื่องนี้จะเรียกว่าเป็นข่าวดีได้อย่างไรกัน!
หากเวลานั้นมาถึงแล้วเขาเกิดเสียใจกับทุกสิ่งที่ตอนนี้ตนคิดตัดสินใจทำแล้วเล่าก็ เกรงว่าจะคิดก็แต่เพียงทำทุกวิถีทางฟื้นฝอยหาตะเข็บ และอาจกล่าวโทษพวกเขาอีกด้วย...
ซ่งจืออวี้ถอนหายใจยาวเหยียด “ข้ากลับคิดว่าที่จิ่งเซินเป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว น้องหญิงห้ามีวิธีการใดทำให้น้องสี่คงสภาพเช่นนี้ต่อไปหรือไม่ เรื่องที่ไม่น่าจดจำก็มิต้องหวนคืนมาให้จำเป็นอย่างไร?”
ว่าจบประโยคแล้วบรรยากาศในห้องก็พลันเงียบสงัดลงทันตา
ตามด้วยซ่งอี้อันที่พยักหน้าเห็นด้วย “ข้าก็คิดว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว มีวิธีทำเช่นนั้นบ้างหรือไม่?”
หลิ่วหรูเยียน “หรือว่าจะ...ลองดู?”
เบื้องหน้าเห็นดวงตาเป็นประกายสามคู่จ้องมองมายังตน ซ่งรั่วเจินจึงเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยถาม “...รอให้ความทรงจำเขาฟื้นหวนคืน ข้าค่อยวางยาเขาอีกทีเป็นอย่างไร?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...