หลิ่วเฟยเยี่ยนถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้โมโหจนแทบกระอักเลือด นี่คือคำพูดคนงั้นรึ?
มีใครตายอะไรกัน?
แต่พอถูกขัดจังหวะเช่นนี้ น้ำตาที่แต่เดิมยังไหลลงมาได้ยามนี้กลับไหลไม่ออกเสียแล้ว จึงได้แต่กล่าวอย่างเศร้าสร้อย
“พี่หญิง ท่านไม่ต้องปิดบังข้า ข้ารู้หมดแล้ว ที่ซื่อจื่อสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากรั่วเจินในตอนนั้น ได้ยินว่าตอนพวกท่านอยู่ในจวนอ๋องยังได้รับการปฏิบัติเสมือนแขกผู้มีเกียรติ”
“มีน้ำใจตรงนี้อยู่ ขอเพียงพวกท่านยินดีขอร้องแทนฮั่นเฟย ครอบครัวเซียงอ๋องจะต้องไม่ถือสาเอาความแน่นอน!”
“ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้พวกท่านคิดอะไรอยู่กันแน่ ทั้งที่เป็นครอบครัวเดียวกัน เรื่องที่แค่ช่วยพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถคลี่คลายได้แท้ๆ แต่เหตุใดจึงไม่ยอมช่วยเหลือ?”
ได้ยินคำตัดพ้อต่อว่าทั้งทางตรงทางอ้อม หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเพียงเอือมระอาเหลือประมาณ
ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่หลิ่วเฟยเยี่ยนเจอเรื่องที่คลี่คลายไม่ได้ก็มักมาขอความช่วยเหลือจากนาง แต่เพียงบ่ายเบี่ยงสักนิดก็จะร้องไห้ไม่จบไม่สิ้น
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้ช่วย? เซียงอ๋องซาบซึ้งในน้ำใจรั่วเจินจริงๆ แต่พวกเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ละเว้นใครก็ตามที่เคยรังแกซื่อจื่อ”
“ขอถามหน่อยเถอะ ท่าทีเซียงอ๋องแสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้ว ข้ายังต้องไปจงใจทำให้พวกเขาเสียหน้าในงานเลี้ยงนับญาติของพวกเขาด้วยงั้นรึ?”
หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าสะท้อนความไม่พอใจและความอับจนปัญญา “น้องหญิงกับน้องเขยรักใคร่กันดี ตระกูลซุนนับวันก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ มีอนาคตยาวไกลก็อาจมีความกล้าเช่นนั้น แต่ข้าไม่เหมือนกัน”
“จนถึงวันนี้สามีข้ายังหายสาบสูญไม่กลับมา ทุกคนล้วนคิดว่าเขาคงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว ข้าก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังต้องดูแลลูกๆ อีกหลายคน”
“เจ้ากับน้องเขยอาจมีความกล้าเช่นนั้น แต่ข้าไม่มีจริงๆ เจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”
หลิ่วเฟยเยี่ยนมองหลิ่วหรูเยียนอย่างตกตะลึง ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าเรื่องยุ่งยากแค่ไหน ขอเพียงนางเอ่ยปาก ถึงลำบากอย่างไรหลิ่วหรูเยียนก็จะหาวิธีช่วยเหลือนางให้ได้แท้ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง