“ฉู่อ๋อง ท่านปล่อยน้องสาวกระหม่อมไปเถิด! ตระกูลซ่งของพวกกระหม่อมซื่อสัตย์ภักดีมาตลอดนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ซ่งจิ่งเซินก้มหน้า ไม่ให้ใครเห็นมุมปากที่กำลังกระตุกของเขา
“ข้าเห็นว่าพวกเจ้าใจกล้ามากเลยนี่ เข้าใจว่าซ่งเยี่ยนโจวกลับเข้ารับราชการก็มีความหวังแล้วอย่างนั้นรึ?”
“ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าพวกเจ้ามีความสามารถสักแค่ไหน คิดว่าช่วยเหลือซื่อจื่อน้อยได้ก็สามารถไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาแล้ว? ต่อให้เขามาขอร้องแทนพวกเจ้าก็ไร้ประโยชน์!”
ฉู่จวินถิงแค่นหัวเราะ “พวกที่มีวาสนาเล็กน้อยก็หลงลำพองใจ ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว ก็แค่หนี้น้ำใจเล็กน้อยจึงไว้หน้าพวกเจ้าบ้างก็เท่านั้น คิดว่าไม่ต้องเห็นกฎหมายอยู่ในสายตาแล้วจริงๆ งั้นรึ?”
ความหวังในใจหลิ่วเฟยเยี่ยนถูกวาจาประโยคนั้นดับสนิท ความคิดแต่เดิมหายวับไปจนหมดสิ้น
นางไม่มีแก่ใจมาพูดพร่ำ สลัดมือหลิ่วหรูเยียนออกทันที
“พี่หญิง คราวนี้พวกท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว ข้าช่วยไม่ไหวหรอก ข้าขอตัวก่อนนะ!”
“เจ้าอย่าไปสิ ขอแค่เจ้ากับน้องเขยช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้า ข้าจะกลับไปขอให้เซียงอ๋องละเว้นฮั่นเฟยแน่นอน!” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้
แต่เมื่อหลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินคำพูดนั้นกลับแค่นหัวเราะออกมา “ตอนนี้เคราะห์ร้ายกรายศีรษะพวกท่านแล้ว แม้แต่ตัวเองยังปกป้องไม่ได้ ยังคิดจะมาช่วยข้า? แค่ไม่ทำให้ข้าเดือดร้อนไปด้วยก็ดีเท่าไรแล้ว!”
แม้เซียงอ๋องจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของฉู่อ๋อง แต่คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ดีว่าฉู่อ๋องมีอิทธิพลมากกว่าเซียงอ๋องมากมายนัก
แม้ว่าปัญหาที่ฮั่นเฟยก่อคราวนี้จะยุ่งยาก แต่อย่างมากก็แค่เนรเทศ แต่ปัญหาที่ตระกูลซ่งก่อคราวนี้ นั่นคือภัยร้ายถึงขั้นเสียกบาลเชียวนะ!
หลิ่วหรูเยียนดวงตาแดงก่ำ “พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันนะ ยามนี้พวกข้าประสบเคราะห์ภัย เจ้าจะไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์สักนิดเลยงั้นหรือ?”
“งั้นท่านควรเข้มงวดกวดขันกับลูกสาวของท่าน ปล่อยให้นางก่อเรื่องขนาดนี้แล้วยังคิดจะให้พวกข้าไปตามเก็บกวาดอีก อย่าว่าแต่ข้า ถึงเป็นท่านพ่อท่านแม่ก็ช่วยไม่ไหว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง