“เจินเอ๋อร์ วันนี้ท่านอ๋องช่วยเหลือพวกเรามากขนาดนี้ เย็นนี้เชิญท่านอ๋องอยู่รับประทานมื้อค่ำที่จวนดีหรือไม่?”
หลิ่วหรูเยียนมองลูกสาวของตนอย่างกังวลใจ นางไม่รู้ความในใจของลูกสาว แต่ฉู่อ๋องเป็นผู้สูงศักดิ์มีธุระมาก วันนี้ตั้งใจมาที่จวนทั้งยังให้ความช่วยเหลือ ถ้าไม่ทำอะไรเสียเลยก็ออกจะไม่เหมาะสม
ซ่งรั่วเจินก็คิดดุจเดียวกัน วันนี้ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ลำพังรับมือหลิ่วเฟยเยี่ยนก็คงต้องสิ้นเปลืองคำพูดไปไม่น้อย
ปฏิเสธไปตรงๆ พูดอาจดูง่าย แต่ความสามารถในการไม่สนใจเหตุผลของตระกูลซุน พวกตนล้วนเคยได้รับทราบมาแล้ว
ไม่เพียงไปร้องไห้ตัดพ้อที่ตระกูลหลิ่ว ทำให้คนตระกูลหลิ่วมากดดันด้วยยังไม่พอ ยังไปพูดเหลวไหลข้างนอกไปทั่วทำให้ท่านแม่เสื่อมเสียชื่อเสียง เรียกได้ว่าน่ารำคาญยิ่งนัก
นางไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้ แต่ท่านแม่ทำไม่ได้ ตระกูลซ่งก็ทำไม่ได้
แทนที่จะนั่งรอเป็นฝ่ายถูกกระทำ มิสู้ชิงลงมือก่อน ไยต้องเป็นฝ่ายถูกคำพูดเหลวไหลของหลิ่วเฟยเยี่ยนชักเชิดไปเสียทุกครา?
คราวนี้...ถึงรอบตระกูลซ่งของพวกตนบ้างแล้ว!
“ดีสิเจ้าคะ ยากนักที่วันนี้จะอารมณ์ดีทั้งที ข้าเข้าครัวทำอาหารสักหลายอย่าง เป็นรายการอาหารที่ข้าเตรียมไว้สำหรับหอสุราที่กำลังจะเปิดใหม่ให้ทุกคนลองชิมด้วยกันดีไหมเจ้าคะ?”
ริมฝีปากซ่งรั่วเจินโค้งขึ้น เมื่อก่อนนางก็ชอบทำอาหาร ฝึกฝนจนมีฝีมือด้านการทำอาหาร ยามนี้ตนเองจะเปิดหอสุราก็ต้องมีอาหารจานเด็ดประจำร้านสักหน่อยถึงจะดี
“ช่วงนี้เจ้ายังฝึกทำอาหารใหม่ๆ ด้วย?” หลิ่วหรูเยียนประหลาดใจ เมื่อก่อนเจินเอ๋อร์พอมีฝีมือทำอาหารบ้าง แต่ไม่ได้ทุ่มเทในด้านนี้มากนัก
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “เรียนรู้มาบ้างเจ้าค่ะ ลองดูก่อนก็แล้วกัน ยังไม่รู้เลยว่าเย็นนี้ท่านอ๋องจะมีเวลาหรือไม่”
ปกติฉู่จวินถิงก็มีกิจธุระรัดตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าช่วงนี้มีภัยธรรมชาติและผู้อพยพจำนวนมาก เกรงว่าคงมีงานต้องทำไม่น้อย
หลิ่วหรูเยียนเดินเข้าไปถามว่า “ไม่ทราบว่าเย็นนี้ท่านอ๋องมีเวลาว่างอยู่รับมื้อเย็นด้วยกันหรือไม่?”
“ว่าง” ฉู่จวินถิงตอบรับโดยไม่ลังเล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง