“อันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้เร่งด่วนขนาดนั้น อย่างไรเสียนี่ก็เย็นแล้ว กินมื้อค่ำก่อนค่อยไปก็ยังไม่สาย”
ซ่งจืออวี้อึ้งไป “เป็นเรื่องเร่งด่วนมากไม่ใช่หรือ?”
เขาเห็นท่าทางอวิ๋นอ๋องเมื่อครู่ร้อนใจเสียขนาดนั้น ตอนนี้พอได้ยินคำว่ากินข้าวกลับบอกว่าไม่เร่งด่วนแล้ว?
อวิ๋นอ๋องก็เป็นพวกเห็นแก่กินเหมือนเขางั้นหรือ?
ฉู่อวิ๋นกุยโบกไม้โบกมือ ในใจลอบปาดเหงื่อ ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ข้าชอบพูดล้อเล่นน่ะ เรื่องเร่งด่วนมากก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ”
ทุกคนเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก คิดว่าปกติอวิ๋นอ๋องก็มีนิสัยคาดเดาไม่ได้อยู่แล้วจึงไม่ได้คิดมาก
ระหว่างที่ซ่งรั่วเจินเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง นางก็สั่งให้เฉินเซียงออกไปกระจายข่าว
เฉินเซียงยิ่งฟังดวงตาก็ยิ่งเบิกโพลง รอยยิ้มสดใสมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้นางทำเรื่องแบบนี้ได้เจนจัดยิ่งนัก แค่คิดถึงฉากนั้นก็รู้สึกสาสมใจแล้ว!
“คุณหนูวางใจได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้หมดจดแน่นอน”
“เจ้าเป็นคนจัดการ ข้าย่อมวางใจอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินยิ้มกล่าว
สีท้องฟ้ามืดสลัวลง เมื่ออาหารถูกยกขึ้นโต๊ะจานแล้วจานเล่า ทุกคนมองอาหารที่เพียบพร้อมด้วยรูปรสและกลิ่นนั้น ดวงตาก็ฉายแววตกตะลึงออกมา
“คิดไม่ถึงว่าฝีมือทำอาหารแม่นางซ่งจะดีถึงเพียงนี้!”
ฉู่อวิ๋นกุยมีสีหน้าอึ้งๆ เดิมเขาก็คิดว่าแม่นางซ่งเก่งกาจ คิดไม่ถึงว่าฝีมือทำอาหารยังเลิศล้ำปานนี้ โชคดีที่หลินจือเยว่ตาบอดตั้งแต่ยังหนุ่ม ไม่อย่างนั้นคงกลายเป็นการทำร้ายแม่นางซ่งแล้ว!
“เสด็จพี่สาม ข้าเห็นว่าอาหารหลายอย่างนี้ล้วนเป็นของโปรดของท่าน เห็นได้ชัดว่าแม่นางซ่งใส่ใจมาก”
ฉู่จวินถิงมองดูอาหารตรงหน้า ชั่วขณะนั้นดวงตาดำขลับลึกล้ำเปล่งประกายเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้ได้ยินว่านางเชี่ยวชาญทั้งเพลงพิณ หมากล้อม เขียนพู่กันและวาดภาพ แต่กลับไม่รู้ว่านางเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับและวิชาแพทย์ด้วยเช่นกัน ยามนี้แม้แต่ฝีมือทำอาหารยังยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่านางยังซุกซ่อนเรื่องน่าพิศวงไว้อีกมากมายเท่าไร
เมื่ออาหารจานสุดท้ายถูกยกขึ้นโต๊ะ ซ่งรั่วเจินก็ออกมา เห็นว่าทุกคนยังไม่ขยับตะเกียบก็เอ่ยอย่างอดไม่ได้ “บอกให้พวกท่านกินตอนที่ยังร้อนๆ โดยไม่ต้องรอข้าแล้วไม่ใช่หรือ?”
สายตาทุกคนกวาดไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ฉู่อ๋องไม่ขยับตะเกียบ ใครจะกล้าขยับเล่า?
เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องต้องการรอนางน่ะสิ!
ซ่งรั่วเจินก็สัมผัสได้ถึงสายทุกคนเช่นกัน สายตากวาดไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ได้ยินชายหนุ่มเอ่ยอย่างผ่อนคลายว่า “ลำบากเจ้าแล้ว รีบมานั่งลงเถอะ”
เขาว่าพลางตบเก้าอี้ว่างข้างกายตนเอง
ซ่งรั่วเจิน “...” เหลือที่ว่างแค่ตรงนั้น?
“รีบนั่งลงเถอะ คิดว่าทุกคนคงหิวกันแล้ว” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยยิ้มๆ “ชิมรสมือของเจินเอ๋อร์กัน”
เมื่อฉู่จวินถิงขยับตะเกียบ อวิ๋นอ๋องกับคนอื่นๆ ที่อดทนรออยู่ข้างๆ ก็รีบคีบอาหารเข้าปากชิมคำหนึ่ง ทันใดนั้นก็เบิกตากว้าง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...