“ข้ากับท่านอ๋องรู้จักกันได้มินานนัก หากจะพูดถึงเรื่องแต่งงานอย่างไรก็เร็วเกินไป ทว่าข้ารู้ว่าเขาเป็นคนดี และข้าก็ไม่ได้รังเกียจที่จะไปมาหาสู่กับเขา”
ซ่งรั่วเจินกล่าวความคิดของตนออกไปตามตรง ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับฉู่จวินถิง ชายผู้ที่ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉม นิสัยใจคอตลอดจนกระทั่งสถานะทางสังคมก็ล้วนเป็นเลิศเหนือผู้ใด น้อยคนนักที่จะมีหญิงสาวผู้ใดไม่หวั่นไหว
ในช่วงหลายปีมานี้นางก็ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวต่อชายใดมาก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่จวินถิงแล้ว ใจของนางก็ไม่อาจสงบนิ่งไร้ความเคลื่อนไหวได้เลย
เพียงแต่นางอดประหลาดใจไม่ได้ ทั้งๆ ที่เดิมทีเนื้อหาในนิยายเขาเป็นกษัตริย์เดียวดาย ชั่วชีวิตหาได้มีเส้นหัวใจวาสนาใดในรัก ทว่าบัดนี้กลับมาชอบพอนางเข้าเสียได้
เมื่อได้ฟังแล้ว ทุกคนเพียงมองสบสายตากันก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที
ในเมื่อไม่ได้ต่อต้านรังเกียจ เช่นนั้นไปมาหาสู่กันต่อไปก็ใช่ว่าจะไร้โอกาสพัฒนาความสัมพันธ์จนได้ตกล่องปล่องชิ้น
“เช่นนั้นก็อย่าเพิ่งคิดให้มากความ เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับทั้งชีวิต จะให้เร่งร้อนไปมิได้” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าว
เขาเคยพลาดแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปอย่างรีบร้อนมาก่อน บัดนี้โชคยังดีที่ยังพอมีโอกาสให้ได้แก้ไข เขาจึงหวังให้น้องสาวได้พบคนที่มีใจชอบพอกันอย่างแท้จริง
หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าตาม “ใช่แล้ว มิว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นไร พวกเราก็จะคอยสนับสนุนเจ้าเสมอ”
“ดูท่าแล้วข้าว่าฉู่อ๋องคงมิใช่เพียงแค่ถูกตาต้องใจธรรมดาๆ หรอก ก่อนนี้ข้ายังมิได้สังเกตเรื่องนี้สักเท่าใด วันนี้จู่ๆ เห็นเขาสุภาพอ่อนน้อมเช่นนั้นต่อข้า ทำเอาข้าอดตกใจมิได้เลย”
ซ่งจิ่งเซินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ในเมืองหลวงมีแม่นางตั้งเท่าใดฝันอยากจะแต่งงานกับฉู่อ๋อง ข้าได้ยินมาก็เยอะ ทว่าท่าทีเช่นนี้...ข้าเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่ามิเคยมีมาก่อน เล่าออกไปคงมิมีผู้ใดเชื่อ!”
ซ่งจืออวี้หัวเราะร่า “ก็ใช่น่ะสิ? หากเป็นก่อนหน้านี้ละก็ อย่าว่าแต่ฉู่อ๋องเลย กระทั่งอวิ๋นอ๋องพวกเรายังแทบไม่มีโอกาสได้สนทนาพาทีด้วยสักคำ!”
บรรยากาศภายในสกุลซ่งเต็มด้วยความครื้นเครง ท่ามกลางเสียงสนทนา เฉินเซียงก็กลับมาอย่างเงียบๆ
“คุณหนู ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” เฉินเซียงว่าด้วยรอยยิ้ม
ซ่งรั่วเจินพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็ดี”
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าคนแรกกลับกลายเป็นซ่งจืออวี้เสียนี่
ซ่งจิ่งเซินมองเจ้าคนตรงหน้าแล้วอดเหลือบตามองบนไม่ได้ “ท่านจะมาเร็วอะไรขนาดนี้กัน!”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ เมื่อคืนวานพอได้ลิ้มลองฝีมือทำอาหารของน้องหญิงห้าแล้ว ข้าก็มั่นใจว่าไก่ทอดนี่จะต้องอร่อยมากแน่ ย่อมต้องซื้อกลับไปหลายๆ ชุดไว้ฝากให้ท่านแม่ พี่ใหญ่ และไหนจะพี่รองอีก ให้ได้ลิ้มลองกัน”
ซ่งจืออวี้เอ่ยด้วยภูมิอกภูมิใจ รสชาติของอาหารมื้อเมื่อคืนวานนี้จนถึงยามนี้แล้วเขาก็ยังไม่ลืมเลือน เสียก็แต่น้องหญิงห้าไม่ได้เข้าครัวบ่อยนัก อีกใจเขาก็เห็นใจสงสารน้องหญิงห้าเช่นกัน ย่อมไม่อาจให้นางต้องมาเหน็ดเหนื่อยลำบากกายใจได้
แต่กับไก่ทอดนั้นต่างกัน ซื้อไปหลายชุดหน่อยเป็นดีที่สุด!
ซ่งรั่วเจินยิ้มบาง “พี่สาม ลองชิมดูสิเจ้าคะว่ารสชาติเป็นอย่างไร”
ซ่งจืออวี้รับมาแล้วก็ไม่รอช้ารีบลิ้มลองในทันที ไก่ทอดที่เพิ่งออกจากกระทะยังร้อนอยู่มาก แต่ด้วยเปลือกนอกกรอบกรุบที่ห่อหุ้มเนื้อไก่นุ่มชุ่มฉ่ำเอาไว้ เรียกได้ว่าอร่อยเสียยิ่งกว่าที่ไหน ทำเอาสองตาของเขาถึงกับเป็นประกายด้วยความตื่นใจ!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...