ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินพูดจนจบอยู่ไกลๆ สีหน้าท่าทางตกตะลึงของพี่น้องชายฉกรรจ์ทั้งสี่ของสกุลซ่ง ทำให้ภายในสายตาสะท้อนแววนึกสนุก
ความลับบนตัวซ่งรั่วเจิน...ช่างพิเศษจริงๆ
จากนั้นซ่งรั่วเจินขึ้นม้าอย่างคล่องแคล่ว ควบม้าเข้าป่าพร้อมฉู่จวินถิง
ในตอนนี้ ซ่งรั่วเจินสังเกตทิศทางที่องค์ชายใหญ่จากไป จนกระทั่งเข้าป่าลึกแล้ว ซ่งรั่วเจินถึงได้เห็นเองกับตาว่าธนูของฉู่จวินถิงไม่เคยพลาดเป้า
ทั้งๆ ที่สัตว์ป่าวิ่งว่องไวมาก ยามอยู่ต่อหน้าเขากลับไม่มีแรงให้หลบหนี
ธนูถูกปล่อยออกไป เพียงโจมตีก็ถึงแก่ชีวิต
ฉู่จวินถิงเห็นสายตาตกตะลึงของซ่งรั่วเจิน แววตาเจือรอยยิ้ม “วันนี้ชอบข้าขึ้นบ้างหรือไม่?”
ซ่งรั่วเจิน “???”
ถามตรงไปตรงมาเช่นนี้จะให้คนตอบเยี่ยงไร?
“ท่านอ๋อง ปกติท่านเกี้ยวพาสตรีก็เป็นเช่นนี้หรือ?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ
“ไม่ใช่” ฉู่จวินถิงส่ายหน้า “ข้าไม่เคยเกี้ยวพาสตรีคนอื่นมาก่อน คนเดียวที่ชอบมีเพียงเจ้า”
ซ่งรั่วเจินได้ยินคำพูดชวนให้คนหวั่นไหวเช่นนี้ สายตาหันมองเขาโดยไม่รู้ตัว “พูดจาคล่องแคล่วถึงเพียงนี้กลับไม่คล้ายไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน”
“พูดเช่นนี้แล้ว เจ้าไม่ชอบให้ข้าพูดจาคล่องแคล่ว? มิสู้เจ้าชี้แนะข้าสักหน่อย เจ้าชอบเช่นไร ข้าจะได้พยายามดีๆ”
ฉู่จวินถิงแสดงท่าทีผ่อนคลายไร้ระเบียบแต่กลับจริงจัง หากซ่งรั่วเจินพูดออกมา เขาก็คิดจะเรียนรู้ดีๆ
ซ่งรั่วเจินพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ “หากเปลี่ยนไปตามที่หม่อมฉันพูด นั่นก็ไม่ใช่ท่านแล้วมิใช่หรือ?”
“เปลี่ยนแปลงสักเล็กน้อยเพื่อคนที่ชอบ ไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำหรือ? ก็แค่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ข้ายังเป็นตนเองไม่มีวันเปลี่ยนไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง