ฉู่จวินถิงจับจ้องซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง คนฉลาดเยี่ยงเขา เดาได้หลายส่วนแล้ว เพียงแต่...เขากลับไม่รู้ว่าซ่งรั่วเจินเองก็รู้เรื่องการแย่งชิงระหว่างองค์ชายด้วย?
“เจ้าอยากหลอกล่อเสด็จพี่ใหญ่ไป?”
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หม่อมฉันวางแผนเช่นนี้จริง แต่ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันต้องถามท่านก่อน”
อิงตามที่หนังสือเขียนไว้ ฉู่จวินถิงไม่มีความยึดมั่นต่อตำแหน่งฮ่องเต้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาและองค์ชายใหญ่ยังมีความสัมพันธ์กันไม่เลว แต่ตัวเอกของหนังสือเล่มนี้คือฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ เรื่องภายในราชสำนักที่อธิบายไว้ก็ล้วนเป็นหลินจือเยว่เลื่อนตำแหน่งมั่งคั่งเยี่ยงไร
บุญคุณความแค้นระหว่างองค์ชาย เปิดเผยออกมาเพียงบางส่วน ไม่สามารถยืนยันได้
“หากข้าและเสด็จพี่ใหญ่มีความสัมพันธ์อันดี เจ้าคิดจะทำเช่นไร? หากความสัมพันธ์ไม่ดี เจ้าคิดจะทำเช่นไร?”
ฉู่จวินถิงจับจ้องคนตรงหน้า สัญชาตญาณอ่อนไหวสังเกตได้ว่าสาเหตุที่ซ่งรั่วเจินถามเขา ก็เพราะคำตอบของเขาสำคัญต่อนางมาก
พูดอีกอย่าง แผนของนางขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างตนและเสด็จพี่ใหญ่จึงจะตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายกระนั้นรึ?
นึกถึงตรงนี้ มุมปากฉู่จวินถิงก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดูท่าแล้ว ภายในใจนางก็ใช่ว่าไม่มีเขาอยู่เลย
แท้จริงแล้วซ่งรั่วเจินไม่สนใจเรื่องในราชสำนัก เรื่องพรรค์นี้หากเข้าไปพัวพันด้วยแล้วก็จะเกิดปัญหานับไม่ถ้วน แต่พี่ชายของตนกลับอยู่ในราชสำนัก ต่อให้นางอยากป้องกันตนเองก็ไม่มีประโยชน์
สกุลซ่ง ก็อยู่ภายในราชสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของฉู่จวินถิง...นางเองก็ไม่สามารถทำเฉยเมยได้
“หากท่านและองค์ชายใหญ่มีความสัมพันธ์ไม่เลว เรื่องในวันนี้เขาก็อาจต้องเสี่ยงอันตราย หม่อมฉันจะหาทางให้เขาไปที่นั่น ถูกโจมตีพร้อมกัน”
“หากท่านและองค์ชายใหญ่มีความสัมพันธ์ไม่ดี เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะไม่แจ้งเขา” ซ่งรั่วเจินพูดอย่างผ่าเผย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง