“ฝ่าบาท เจ้าโจรชั่วนี้ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้ายิ่งนัก ถึงกับกล้าลอบสังหารเช่ออ๋องในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ ดีที่อี้ชวนบังเอิญไปเจอเข้าพอดี หาไม่แล้วเกรงว่า...”
ฮ่องเต้พยักหน้า “อี้ชวนเป็นเด็กจิตใจดี เรารู้มาตลอด”
พวกซ่งรั่วเจินรออยู่นอกกระโจม สามารถได้ยินบทสนทนาที่ดังมาจากข้างในได้อย่างชัดเจน เหล่าพี่น้องสบตากัน อดนึกทอดถอนใจไม่ได้ อยู่ในราชวงศ์หากไม่มีสมองสักหน่อยคงจะไม่ได้จริงๆ
เกากุ้ยเฟยเอ่ยวาจาประโยคเดียวโดยไม่กระโตกกระตากก็เหมารวมความดีความชอบให้องค์ชายใหญ่ได้แล้ว ทั้งยังทำให้ฮ่องเต้จดจำความดีขององค์ชายใหญ่ไว้ได้
ซ่งรั่วเจินเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าองค์ชายใหญ่รอดพ้นคราเคราะห์ครั้งนี้ไปได้แล้ว อย่างไรเสียตนเองก็ได้รับบาดเจ็บ ถึงสุดท้ายหลักฐานจะชี้ไปที่เขาก็ไม่มีน้ำหนัก แต่กลับทำให้คนมองว่ามีใครจงใจวางแผนใส่ร้ายเขามากกว่า
ส่วนฉู่จวินถิง นางกลับไม่กังวลใจเลย
ชายผู้นี้เก่งกาจมาแต่ไหนแต่ไร บัดนี้ทราบแผนการของนางแล้วก็คงเตรียมแผนรับมือไว้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายเรื่องนี้ก็ไม่มีทางพัวพันไปถึงเขา
“จวินถิง เรื่องนี้ยกให้เจ้าไปสืบสวน จะต้องสืบสวนหาความจริงออกมาให้ได้!” ฮ่องเต้สั่งความ
สิ้นเสียง จงเฟยและเกากุ้ยเฟยที่อยู่ข้างๆ ต่างมีสีหน้าคนละแบบ ฮองเฮาก็มองไปทางฉู่จวินถิงเช่นกัน ตระหนักว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมสักเท่าใด
“เสด็จพ่อ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงองค์ชายทั้งสอง ลูกเกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นความขัดแย้งในหมู่องค์ชาย มิสู้ยกให้ศาลต้าหลี่ไปสืบสวนหาความจริงดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่จวินถิงกล่าว
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองฉู่จวินถิง เห็นแววตาของเขาเปิดเผยตรงไปตรงมา ทั้งยังเป็นฝ่ายเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเลี่ยงคำครหา ดวงตาก็ฉายแววชมเชยออกมา
“เจ้าไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ดีเหมือนกัน เรื่องกองทัพช่วงนี้เจ้าก็เหนื่อยแล้ว ควรพักผ่อนสักหน่อย วันนี้โชคดีที่เจ้ามาได้ทันเวลา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง