“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ย
เรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็น
หญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!
“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”
ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอ
ซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี
ถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม
“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”
“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?
“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป็นแน่ ข้าว่า...”
สีหน้าเมิ่งชิ่นเต็มด้วยความกังวล แม้นางจะไม่รู้ว่าถังเสวี่ยหนิงมีลับลมคมในอันใด แต่เมื่อกล้ากล่าวออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้แล้ว ก็ย่อมเป็นเพราะเตรียมการมาอย่างดีนั่นเอง
อวิ๋นเนี่ยนชูรีบรี่วิ่งเข้าหาซ่งรั่วเจิน เดิมทีนางคิดอยากเอ่ยถามว่าสถานการณ์เป็นมาอย่างไร แต่ฉับพลันทันทีที่สบเข้ากับสายตาของซ่งรั่วเจิน ความวิตกในใจก็สลายหายไปสิ้น
“คุณหนูถังกล่าวมาตามตรงเถิด ไยต้องอ้อมค้อม?”
“ข้าเองก็อยากทราบเช่นกัน ว่าในเมืองหลวงนี้มีผู้ใดอาจหาญ มิสนกระทั่งกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งยังมีปัญญาลวงหลอกทางการได้?”
ซ่งรั่วเจินเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนปรายตามองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง