“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ
“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”
ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”
“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”
ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ
“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”
“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”
“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”
ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”
พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?
“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเย็น
พวกอวิ๋นจู๋สบตากันแวบหนึ่ง ใบหน้าเห็นว่ากำลังว้าวุ่น พวกเขาเพียงรับเงินมาทำเรื่องนี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าถึงขั้นต้องติดคุกหลวง จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้!
เหอเซียงหนิงคิดไม่ถึงเลยว่าซ่งรั่วเจินจะเล่นนอกกติกาเช่นนี้ รีบเอ่ยว่า “ซ่งรั่วเจิน นี่เจ้ากำลังข่มขู่พวกเขาต่อหน้าพวกเราหรือ?”
“พวกเขามิได้โหดเหี้ยมเหมือนเจ้า เลือกยืนออกมาเพราะพวกเขามีเมตตา คนเช่นนี้ ต่อให้เป็นศาลาว่าการก็ต้องยอมผ่อนปรนให้สักครั้ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง