“ข้ากลับมองว่าฉู่อ๋องหาได้ปิดบังแม้แต่น้อย เขาคงรู้เป็นอย่างดีว่าฮองเฮามิได้พอใจกระมัง?” เมิ่งชิ่นเอ่ยถาม
ซ่งรั่วเจินเปล่งเสียงตอบรับ ที่จริงนางมิได้หวั่นเกรงต่อฮองเฮาแม้แต่น้อย เสียก็แต่ปัญหาภายในราชวงศ์นั้นสลับซับซ้อนยิ่ง เพียงเหตุลอบปลงพระชนม์ฉู่เทียนเช่อในวันนี้ก็เห็นได้ชัดเจน
ว่าขอเพียงก้าวเท้าเข้าไปก็ราวกับติดอยู่ในหล่มโคลนตมแล้ว
“รั่วเจิน ข้าว่าเจ้ามิจำเป็นต้องกังวลนักหรอก หากฮองเฮาควบคุมบงการฉู่อ๋องได้จริงแล้วละก็ ฉู่อ๋องก็คงมิครองโสดมาจวบจนบัดนี้ได้หรอก”
“ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาก็คิดจะจัดแจงหมั้นหมายให้ฉู่อ๋องอยู่แล้ว แต่ดูเอาเถิดว่าถึงตอนนี้แล้วหาคนมาปลงใจได้เสียที่ไหน? ชัดเจนว่าหากมีฉู่อ๋องอยู่ เจ้าก็มิจำเป็นต้องหวั่นเกรงใดๆ ต่อฮองเฮา”
“อีกอย่างท่านแม่ข้าเคยว่าไว้ ไม่ว่าแม่นางใดจะแต่งงานกับชายใดก็ล้วนมิอาจเลี่ยงต้องประสบทุกข์ยาก ชีวิตคนเรานั้นยากจะสมบูรณ์แบบพรั่งพร้อม”
“บ้างก็สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวมักมีแม่สามีร้ายกาจ บ้างก็แม่สามีดีเหลือหลายสามีภรรยากลับมิสมานฉันท์ ข้ากลับมองว่าอย่างน้อยฉู่อ๋องฝ่าบาทก็ทรงปกป้องเจ้าได้มิใช่หรือ?”
“เมิ่งชิ่น นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมองเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่งเพียงนี้?”
ซ่งรั่วเจินอดแปลกใจไม่ได้ เพราะเมิ่งชิ่นนั้นดูเป็นคนจิตใจกว้างขวางปล่อยวาง ไม่เก็บสิ่งใดมาคิดใส่ใจ เดิมเคยคิดว่าสตรีเช่นนี้คงไม่อาจรับมือกับเรื่องเช่นนี้ได้ จึงนึกไม่ถึงว่าทัศนะคติของนางจะลึกซึ้งได้ถึงเพียงนี้
“ทั้งหมดล้วนเป็นที่ท่านแม่ข้าเคยบอกเอาไว้ ใครเล่าจะมิต้องการชีวิตสมบูรณ์พูนสุข แต่ข้าก็เข้าใจดีว่าที่ท่านแม่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง” เมิ่งชิ่นยักไหล่ สีหน้าฉายความปล่อยวางไม่แยแส
ซ่งรั่วเจินยิ้มบาง “เจ้าอย่าได้กังวลแทนข้าเลย ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร”
ตั้งแต่ที่นางไม่ได้ปฏิเสธฉู่จวินถิงโดยตรง นางก็เข้าใจความคิดของตนเองดี บัดนี้ก็เพียงแต่ยิ่งแน่ใจในความรู้สึกของตนมากขึ้นเท่านั้น
การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต ย่อมต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ
เมิ่งชิ่นและอวิ๋นเนี่ยนชูต่างต้องตามครอบครัวตนกลับไป ซ่งรั่วเจินเองก็ขึ้นรถม้าไปพร้อมกันกับพี่ชายตนเช่นกัน
ทว่าต่อมา รถม้าที่ขับเคลื่อนไปได้ระยะหนึ่งกลับหยุดลงกะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง