ณ สกุลหลิ่ว
เพียงหลิ่วหรูเหยียนกลับมาที่บ้านมารดาก็เริ่มร้องไห้ฟ้องมารดาว่า “ท่านแม่ ครั้งนี้น้องหญิงทำให้ข้าเจ็บปวดใจจริงๆ ตลอดหลายปีมานี้ข้าไม่เคยทำผิดต่อนางเลย ดีต่อนางมาโดยตลอด แต่นางถึงขั้นทำกับข้าเช่นนี้!”
“หรูเยียน เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่ากระไร?” นายหญิงหลิ่วงุนงง
หลิ่วหรูเยียนตาแดง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาที่หัวตา
“เมื่อไม่กี่วันก่อนน้องหญิงมาหาข้า ถามไล่เรียงว่าเหตุใดไม่ไปขอความเมตตาจากเซียงอ๋อง ไม่ใช่ข้าไม่อยากทำ แต่ทำอย่างเต็มที่แล้ว”
“เซียงอ๋องตามหาซื่อจื่อกลับมาได้อย่างยากลำบาก ได้เห็นเขาถูกรังแก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยฮั่นเฟยไป ขอความเมตตาเยี่ยงไรก็ไร้ประโยชน์”
“เพราะสาเหตุนี้น้องหญิงจึงโทษข้า ข้าเองก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ วันนั้นรั่วเจินล่วงเกินฉู่อ๋อง ถูกสั่งสอนอย่างแรงหนึ่งรอบ ข้าขอร้องให้น้องหญิงไปตามน้องเขยมาช่วย”
“ใครคิดเล่าว่านางถึงขั้นพูดว่าข้าสมควรโดนแล้ว ยังพูดอีกว่าล้วนเป็นกรรมของข้า สุดท้ายทั้งตระกูลก็จะต้องถูกเนรเทศเหมือนฮั่นเฟย!”
“ท่านแม่ ท่านพูดข้าและนางเป็นพี่น้องกัน เหตุใดนางใจร้ายถึงเพียงนี้เล่า? เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นข้าเป็นญาติ น่ากลัวว่าต่อให้เป็นศัตรูก็ไม่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้!”
นายหญิงหลิ่วได้ยินถ้อยคำนี้ก็ตกตะลึง “เรื่องนี้มีอะไรเข้าใจผิดไปหรือไม่? เหตุใดเฟยเยี่ยนจึงพูดเช่นนี้กับเจ้า?”
“ไม่ได้เข้าใจผิดเจ้าค่ะ ตอนนั้นคนภายในจวนล้วนได้ยินทั้งหมด แม้นางออกพ้นประตูบ้านไปแล้วก็ยังโทษข้ารนหาที่เอง”
หลิ่วหรูเยียนเปี่ยมความเสียใจ “ท่านแม่ เรื่องนี้ท่านจะต้องออกหน้าตัดสินให้ข้า หลายปีมานี้ข้าดูแลท่านมาโดยตลอด กตัญญูต่อผู้ใหญ่ ดูแลน้องสาว แต่บัดนี้ข้าได้รับอะไรเล่า?”
ซ่งจิ่งเซินมองการแสดงยอดเยี่ยมของมารดา ลอบเลื่อมใสอย่างอดไม่ได้ เขาจากเมืองหลวงไประยะหนึ่งเกิดเรื่องที่เขาไม่รู้มากมายจริงๆ
หากในอดีตท่านแม่มีฝีมือการแสดงเช่นนี้ ก็ไม่ต้องเสียเปรียบมากถึงเพียงนั้นแล้ว!
นายหญิงหลิ่วขมวดคิ้วแน่น นางคิดไม่ถึงเลยว่าหลิ่วหรูเยียนจะกลับมาร้องไห้ฟ้องร้องเช่นนี้ ยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าเฟยเยี่ยนจะโง่งมถึงเพียงนี้ ถึงขั้นพูดคำเหล่านี้ออกมา
หากล่วงเกินสกุลซ่ง ภายภาคหน้าก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรแล้วมิใช่หรือ?
“หรูเยียน เจ้าอย่ากังวล มีแม่อยู่ จะต้องออกหน้าตัดสินแทนเจ้า!”
นายหญิงหลิ่วตบมือหลิ่วหรูเยียน เอ่ยปลอบเสียงนุ่มนวล “ข้าจะให้คนไปสกุลซุนเดี๋ยวนี้เลย รอเฟยเยี่ยนมาแล้ว ข้าจะสั่งสอนนางอย่างหนัก!”
“กระนั้น เฟยเยี่ยนก็มีฮั่นเฟยเป็นลูกชายเพียงคนเดียว บัดนี้ถูกตัดสินเนรเทศ นางเองก็ปวดใจมาก เจ้าในฐานะพี่สาวจะต้องอดทนให้มากกว่านี้สักหน่อย”
หลิ่วหรูเยียนได้ฟังคำพูดที่คาดการณ์ไว้แล้ว หากเป็นเมื่อก่อนจะต้องรู้สึกเสียใจแน่ แต่บัดนี้ไม่คาดหวังต่อสกุลหลิ่วแล้วกลับไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
บัดนี้นางมีลูกชายลูกสาว พวกเด็กๆ กตัญญูรู้คุณ รู้ว่าบิดามารดาลำเอียง เดิมทีนางก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ทว่า...ลูกของนางหาเงินอย่างยากลำบาก นางไม่มีวันปล่อยให้คนเหล่านี้เอาเปรียบ!
……
หลิ่วเฟยเยี่ยนพาซุนเยียนเอ๋อร์มาถึงสกุลหลิ่ว ตลอดทางทั้งสองคนปรึกษากันไว้ดีแล้ว วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้สกุลซ่งมอบร้านไก่ทอดมาให้ได้
ต่อให้ไม่ยอม อย่างน้อยก็ต้องมอบตำรับไก่ทอดออกมา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง