“สองปีมานี้ นางใส่ใจดูแลข้า ดูแลจวน เทียบกับนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่นแล้วยังดีกว่าไม่รู้กี่มากน้อย!”
หลินรั่วหลานนึกถึงตอนที่ฉินซวงซวงแต่งเข้ามา อย่าว่าแต่เรื่องสินเดิมที่ว่างเปล่าเลย ยังสร้างความเดือดร้อนให้ลูกชายต้องอับอายขายหน้าอีก เพียงแต่งเข้ามาก็ถูกทางการจับตัวไป ยังต้องให้ลูกชายหาหนทางไปพานางออกมาอีกด้วย
ไหนเลยจะเทียบเคียงซ่งรั่วเจินได้?
“ท่านแม่ ข้ากับซวงซวงแต่งงานกันแล้ว ข้าไม่มีวันแต่งงานกับซ่งรั่วเจินเป็นอันขาด ภายภาคหน้าขอท่านอย่าได้พูดเช่นนี้อีก ให้ซวงซวงรอในคุกอยู่ตลอดก็มิใช่เรื่องดี ท่านหาทางช่วยข้ารวบรวมเงินหนึ่งแสนตำลึงที ข้าจะไปไถ่ตัวนางออกมา”
หลินจือเยว่ขมวดคิ้วแน่น ซวงซวงรออยู่ข้างในมากหนึ่งวัน ที่เสียไปก็คือหน้าของเขา เขารู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องยังมีเงินอยู่ในมือแน่นอน
“นางแพศยาคนนั้นทำเรื่องน่าขายหน้าพรรค์นี้ด้วยตนเอง ยังต้องให้พวกเรานำเงินไปไถ่อีกรึ?” หลินรั่วหลานเอ่ยถามเสียงแหลม “ให้สกุลฉินหาทางเอาเองเถอะ!”
“บัดนี้ซวงซวงเป็นคนของพวกเราสกุลหลินแล้ว”
สีหน้าหลินจือเยว่หนักแน่น เขารักเพียงซวงซวง แม้ครั้งนี้ซวงซวงจะทำผิดจริง แต่เขารู้ว่าซวงซวงทำถึงเพียงนี้ก็เพราะห่วงใยเขา
“ท่านโหว แย่แล้ว! คุณชายสามสกุลซ่งตีกลองร้องทุกข์ ฝ่าบาทเรียกตัวท่านเข้าวัง”
ถ้อยคำนี้พูดออกมา สีหน้าหลินจือเยว่พลันเผือดซีด ร่างกายแทบซวนเซ “เจ้าว่ากระไรนะ? ฝ่าบาททรงทราบแล้ว?”
“ได้ยินว่าเดิมทีใกล้เลิกประชุมแล้ว จู่ ๆ ซ่งจืออวี้ก็ตีกลองร้องทุกข์ จากนั้นก็ถูกเรียกตัวเข้าท้องพระโรง ท่านโหว ขันทีรอถ่ายทอดพระราชโองการอยู่หน้าประตู เกรงว่าจะเสียเวลาไม่ได้”
“ลูกแม่ นี่จะทำอย่างไรดี?” หลินรั่วหลานเองก็ว้าวุ่นแล้ว หากเรื่องนี้ลามไปถึงราชสำนัก เช่นนั้นก็จัดการยากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสองวันนี้ที่หลินจือเยว่อ้างว่าป่วย...
ร่างกายหลินจือเยว่โงนเงน เดินออกจากห้องด้วยสมองขาวโพลน ฝ่าบาทเรียกตัวเขาเข้าวัง เขาย่อมไม่อาจรอช้าได้
ซ่งจืออวี้ไม่วางตนสูงส่งแต่ก็ไม่วางตนต่ำต้อย ส่งมอบหลักฐานลงลายลักษณ์อักษรที่เตรียมไว้พร้อมแล้วให้ขันทีใหญ่
ขันทีใหญ่มอบหลักฐานลงลายลักษณ์อักษรให้ฝ่าบาท หลังฝ่าบาทกวาดตาดูเนื้อความที่เขียนไว้ในนั้นอย่างชัดเจนแล้ว สีพระพักตร์พลันมืดครึ้มลงทันที
ยามหลินจือเยว่เดินทางมาถึงก็รับรู้ได้ถึงความพิโรธ สายตาเยียบเย็นปานน้ำค้างแข็งทำให้เขาตกใจจนแข้งขาอ่อนไปหมด “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
“หลินโหว เรื่องงามหน้าที่เจ้าทำ บัดนี้มาถึงราชสำนักแล้ว เจ้าบอกเราหน่อยเถิดว่าเจ้าคิดจะจัดการเยี่ยงไร?”
ฮ่องเต้โยนของลงตรงหน้าหลินจือเยว่ ฝ่ายหลังเห็นหลักฐานลงลายลักษณ์อักษรแล้วสีหน้าก็เผือดซีด คิดไม่ถึงว่าสกุลซ่งจะลงมือได้อย่างเฉียบขาดเพียงนี้!
ชนิดที่ว่ายังไม่ทันปรึกษาเขาสักคำ ก็มาโวยวายถึงท้องพระโรงแล้ว!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง
ขอบคุณที่ให้อ่านฟรีนะคะ แต่การเติมเงินใช้เป็นเพียงบัตรเติมเงินเอไอเอสเท่านั้น...