“ท่านแม่ แค่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น พวกเรากลับด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินกล่าว
หลิ่วหรูเยียนยิ้มบาง ลดเสียงลงเอ่ยว่า “ปกติท่านอ๋องยุ่งเสียขนาดนั้น จะบังเอิญมาเจอบ่อยๆ ได้อย่างไรกัน?”
“ตอนแรกที่พ่อเจ้าตามเกี้ยวข้าก็ใช้ข้ออ้างเช่นนี้เหมือนกัน ไม่ว่าไปที่ไหนก็บอกว่าบังเอิญบ้าง ผ่านทางมาพอดีบ้าง ทางนี้นอกจากคนที่มาไหว้พระแล้วก็ไม่มีใครมาหรอกนะ”
“ข้าได้ยินมาว่าฉู่อ๋องไม่เคยไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะแวะผ่านมาทางนี้ได้อย่างไรเล่า?”
ซ่งรั่วเจินได้ยินหลิ่วหรูเยียนเปิดโปงข้ออ้างนี้ตรงๆ ก็อดเหลือบมองฉู่จวินถิงไม่ได้ เห็นฝ่ายหลังปราศจากความกระอักกระอ่วนที่ถูกเปิดโปงแม้แต่น้อย เพียงแต่มองนางยิ้มๆ
ดวงตาสีดำเจิดจรัสคู่นั้นสะท้อนภาพดอกท้อดอกแล้วดอกเล่า งดงามชวนมองเป็นอย่างยิ่ง
ชั่วขณะนั้น กลับเป็นนางที่ต้านทานแววตาเช่นนั้นไม่ได้จนเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเสียก่อน
จนกระทั่งขึ้นรถม้า ซ่งรั่วเจินค่อยเอ่ยว่า “วันนี้ท่านมาได้อย่างไร?”
“เมื่อครู่ก็บอกแล้วนี่ว่าบังเอิญผ่านมา” ฉู่จวินถิงกล่าว
“ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นนี้ของท่าน แม้แต่แม่ของหม่อมฉันยังรู้ว่าไม่จริง ยังคิดจะหลอกหม่อมฉันอีก?” ซ่งรั่วเจินกล่าวพลางปรายตามองเขา
ฉู่จวินถิงได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะเบาๆ “ทั้งที่รู้ว่าข้าพูดไม่จริง ยังยินดีปล่อยเจ้ามา หมายความว่าข้าผ่านด่านว่าที่แม่ยายแล้วใช่หรือไม่?”
“ว่าที่แม่ยายอะไรกัน! ท่านอ๋องช่างนับญาติส่งเดชเก่งจริงนะเพคะ!” ซ่งรั่วเจินโพล่งขึ้นมา
ฉู่จวินถิงกลับไม่ถือสาแม้แต่น้อย “ข้าถึงได้เติมคำว่าว่าที่เข้าไปด้วยอย่างไรเล่า? ถึงตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่ข้าเชื่อว่าจะต้องใช่ไม่ช้าก็เร็ว ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องเป็นภรรยาของข้า!”
ทว่าซ่งรั่วเจินได้ยินวาจานั้นแล้วกลับจ้องมองคนตรงหน้านิ่งๆ พินิจพิจารณาอย่างละเอียด คล้ายกำลังยืนยันอะไรบางอย่าง
ฉู่จวินถิงถูกนางจ้องจนรู้สึกแปลกๆ จึงอดถามไม่ได้ว่า “มองอันใด?”
“หม่อมฉันดูว่าท่านใช่ฉู่อ๋องตัวจริงหรือไม่ ท่าทางพูดจาไหลลื่นหน้าหนาไร้ยางอายเช่นนี้ต่างจากท่านอ๋องที่เมื่อก่อนสำรวมเยือกเย็นยากเข้าหาลิบลับเลยเพคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง