“กว่าเจ้าจะมีลูกได้สักคนมิได้ง่ายดาย ขอเพียงนางตั้งใจคลอดเด็กคนนี้อย่างสงบ ข้าเชื่อว่าด้วยกำลังของตระกูลฉิน ย่อมมิปล่อยให้นางต้องลำบาก จะต้องมีหนทางให้เจ้าได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้งเป็นแน่”
ทว่าเมื่อได้ฟังถ้อยคำนี้แล้วหลินจือเยว่กลับเผยสีหน้าขมขื่นออกมา
“เป็นไปมิได้หรอกขอรับ แม่ทัพฉินก็ปลดฉินฮูหยินไปแล้ว กระทั่งสองแม่ลูกคู่นั้นยังมิอยากจะข้องเกี่ยว เช่นนั้นจะมาช่วยเหลือข้าได้อย่างไร?”
ได้ยินเช่นนั้น หลินรั่วหลานถึงกับเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ “เจ้าว่ากระไรนะ? แม่ทัพฉินจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกนางแม่ลูกได้อย่างไร?”
“เป็นเรื่องจริงขอรับ” หลินจือเยว่ถอนหายใจยาวเหยียด แรกได้ยินข่าวเขาก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ทว่าเมื่อลองคิดดูแล้วแต่ไหนแต่ไรแม่ทัพฉินก็เป็นคนไม่แยแสเช่นนี้อยู่แล้ว
ขณะนั้นเอง หลินรั่วหลานก็พลันลุกพรวดขึ้นมา ตะโกนด่ากราดกู้อวิ๋นเวยด้วยความเดือดดาล
“นังหญิงชั่ว! เจ้าโกหกข้า!”
กู้อวิ๋นเวยกลับหัวเราะเยาะขึ้นมา “ข้าหลอกเจ้าแล้วจะอย่างไร? หากมิใช่เพราะเจ้าก่อเรื่อง มีหรือที่ข้าจะถูกปลดได้?”
“หากเจ้ามิก่อเรื่องเช่นนี้ ข้าก็ยังมีโอกาสช่วยพวกเขาได้ แต่ตอนนี้เจ้ากลับทำให้ข้าสูญเสียทุกสิ่ง กระทั่งครอบครัวข้าก็ยังรังเกียจที่ข้าถูกปลดจนไม่แยแสข้า ครานี้พวกเจ้าก็คงจะพอใจแล้วสิท่า?”
“เพราะเจ้าบอกว่าช่วยจือเยว่ได้ข้าถึงได้กลับคำพูด เจ้ากลับจงใจกุเรื่องลวงมาหลอกข้าหรือ?”
หลินรั่วหลานโมโหเสียจนแทบคลั่ง อยากจะกระโจนเข้าไปตบหน้ากู้อวิ๋นเวยสักฉาดเสียจนเต็มแก่
ทว่ายามนี้พวกนางไม่ได้ถูกขังอยู่ด้วยกัน กู้อวิ๋นเวยจึงไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด
“เจ้ากลับคำก็เพียงเพื่อหลานชายของเจ้าเอง เจ้าก็ต้องรู้สิว่าลูกชายเจ้าถูกทัณฑ์เนรเทศ ต้องระเห็ดตนไปยังดินแดนอันหนาวเหน็บยากลำเค็ญ เจ้ายังคิดฝันว่าจะได้มีชีวิตที่ดีอยู่อีกหรือ?”
“สกุลหลินของพวกเจ้าไม่แน่ว่าอาจต้องสิ้นทายาทสืบสกุล ข้ากำลังให้โอกาสพวกเจ้ามีทายาทสืบต่อไปต่างหากเล่า!” กู้อวิ๋นเวยกล่าวอย่างเยาะเย้ย
หลินรั่วหลานเหลือบมองฉินซวงซวงที่ยืนอยู่ข้างเคียง จากนั้นสายตาก็หยุดอยู่บนหน้าท้องที่ยังคงแบนราบเหมือนเคยของนาง ก่อนเอ่ยถามหลินจือเยว่ “ซวงซวงตั้งครรภ์อยู่จริงหรือ? คงมิใช่ว่าจงใจหลอกเจ้าอีกหรอกนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง