หลินจือเยว่หน้าซีดขาวไร้สีเลือด ท่านพ่อสิ้นชีพไปนานแล้ว เหลือก็แต่เพียงเขาและท่านแม่สองคนให้ได้พึ่งพาอาศัยหล่อเลี้ยงกันไป
หากบัดนี้ยังต้องสูญสิ้นท่านแม่ไปอีกคน บนโลกนี้จะไม่เหลือเพียงตัวเขาโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ผู้เดียวหรอกหรือ?
ทว่าฝ่าบาทมีพระราชโองการลงมาเช่นนี้ ไม่ว่าจะวิงวอนร้องขออย่างไรก็ไร้ผลแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานภาพของเขาที่แม้แต่โอกาสให้ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทก็ยังไม่มี
“เจ้ารีบตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้เถิด ความผิดที่เจ้าทำลงไปมีโทษสถานเดียวคือโทษถึงตาย!”
นัยตากู้อวิ๋นเวยเต็มด้วยความเยาะหยัน เมื่อเห็นหลินรั่วหลานตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว หัวใจของนางก็พองโตสุขสะใจเสียจนไม่อาจอธิบาย
สมควรแล้ว!
กล้าทำร้ายนาง แค่กุดหัวยังนับว่าปรานีเกินไปมากแล้ว!
“ท่านแม่ยาย ที่ท่านแม่ข้าพลั้งมือทำลงไปก็เพียงเพื่อปกป้องข้าเท่านั้น ไยท่านจะต้องใจร้ายต่อกันถึงเพียงนี้เล่า?” หลินจือเยว่เอ่ยถามด้วยดวงตาแดงก่ำ
กู้อวิ๋นเวยปรายตามองเขาจังหวะหนึ่ง ทีท่าฉายชัดถึงความยโสโอหัง “หลินจือเยว่ เจ้าจะต้องเข้าใจเสียทีว่าข้าเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยเจ้าได้!”
“แม่ของเจ้าก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้เอง มิใช่นางก็ข้าที่ต้องตายกันไปข้าง หากเป็นข้าที่ตายแล้วเล่าก็เจ้ากับซวงซวงก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน!”
“อยากจะโทษก็โทษแม่เจ้าเองแล้วกันที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี!”
“นังหญิงต่ำทราม ไยบนโลกนี้จึงได้มีคนจิตใจต่ำช้าเช่นเจ้าอยู่ได้กัน ไปตายเสียเถิด!”
หลินรั่วหลานพลันพุ่งตัวออกไปในทันที นางคว้าเอาขี้เลนบนพื้นที่ผสมปนด้วยมูลสัตว์ขึ้นมา ผนวกรวมเอาความโกรธแค้นที่ไร้หนทางระบาย พุ่งตรงเข้าไปจัดการยัดใส่ปากของกู้อวิ๋นเวยเอาไว้!
ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากนางยัดเข้าไปแล้วยังใช้มืออุดปิดผนึกช่องปากของกู้อวิ๋นเวยเอาแนบแน่น ไม่เปิดโอกาสให้นางแม้แต่จะได้สำรอกคาย
“ปากพล่อยพ่นแต่ถ้อยคำโสโครก เช่นนั้นเจ้าก็กินเข้าไปให้หมดเสียเลยสิ!”
สถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปโดยฉับพลันทำเอาฉินซวงซวงตกตะลึงนิ่งงันไป เห็นแม่ของตนถูกบังคับจับกรอกมูลสัตว์สกปรกเข้าไป ใบหน้าของนางก็พลันแดงก่ำ อยากจะขย้อนอาเจียนออกมาแต่กลับทำไม่ได้
แม่สามีคล้ายจะเป็นบ้าไปแล้วก็มิปาน มือของนางจึงได้มากแรงเป็นพิเศษ ทำเอานางอดรนทนไม่ไหวรีบร้องบอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง