“สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษ
สุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง
“แน่นอน”
เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมาก
ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”
เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้น
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มาก
เพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว
“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”
ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลายกยิ้ม เจือกลิ่นอายของความเย่อหยิ่งโอหัง กลับ...เย้ายวนคน
“หากหม่อมฉันไม่เชื่อ ก็คงไม่ถามท่านอ๋อง เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณท่านอ๋องมากที่ออกหน้า หากไม่มีท่าน เรื่องก็คงไม่จัดการได้อย่างราบรื่นถึงเพียงนี้”
สายตาซ่งรั่วเจินจริงจัง นางรู้ความสามารถก่อกวนบิดเบือนเรื่องราวของสกุลหลิ่วดี หากไม่มีฉู่จวินถิงที่ฐานะสูงกว่าเป็นผู้ตัดสิน น่ากลัวว่าคิดจับตัวพวกเขาไปลงโทษตามกฎหมายนั้นยากยิ่ง จะต้องชุลมุนอีกนานเลยทีเดียว
ฉู่จวินถิงหัวเราะเบาๆ “ต้องขอบคุณเจ้ามอบโอกาสให้ข้าได้แสดงออก”
เขารู้แม่นางคนนี้เตรียมการไว้ล่วงหน้า เรื่องตามหาญาติได้มีการตัดสินใจไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแค่บังเอิญเรื่องทั้งหมดล้วนมารวมกันอยู่ในวันนี้จึงพายเรือตามน้ำไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง