“บ้าจริง เมื่อไหร่จะยอมปล่อยข้าออกไปเสียที!”
หลิ่วอวิ๋นเวยเอาเท้าเตะซี่กรงห้องขัง รู้สึกเพียงปลายเท้าตนเองเจ็บจี๊ดขึ้นมาจึงรีบกุมไว้ รู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก
ครั้นเมื่อนายท่านหลิ่วกับพวกมาถึงและเห็นเหตุการณ์นี้เข้า เดิมทีที่ยังคาดหวังให้หลิ่วอวิ๋นเวยจะช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นภัย ที่ไหนได้สภาพของนางย่ำแย่กว่าพวกเขาเสียอีก
“อวิ๋นเวย อยู่ดีๆ เจ้าไปขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายทำไมกัน เพื่อจะช่วยพวกเราอย่างนั้นรึ?”
นายท่านหลิ่วสีหน้ามึนงง คิดไปคิดมาเหตุผลนี้น่าจะพอฟังขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวต่อ “ทำไมเจ้าจึงโง่เช่นนี้ ที่เราได้รับเพียงแค่โทษเล็กน้อย ไม่ต้องใช้ถึงป้ายทองหรอก
ตอนนี้เจ้ากลับเอาตัวเข้าแลกเพียงเพราะเรื่องนี้ ช่างโง่เขลายิ่งนัก!”
หลิ่วอวิ๋นเวยเห็นคนสกุลหลิ่วต่างมากันพร้อมหน้า พลันนึกถึงคำพูดราชครูกู้เมื่อวานนี้ จึงกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “พวกท่านเปิดโปงชาติกำเนิดของข้าใช่หรือไม่?
เดิมทีข้าขโมยป้ายทองก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เพราะพวกท่าน เอาชาติกำเนิดของข้าไปเที่ยวโพนทะนา พ่อข้าจึงได้ใจร้ายเช่นนี้”
คนสกุลหลิ่วฟังแล้วก็รู้สึกเสียใจ ซ้ำยังรู้สึกผิดต่อนาง
“อวิ๋นเวย ฟังเจ้าแม่พูดนะ ข้อนี้เราเองก็คาดคิดไม่ถึง แต่ต้องโทษนางแพศยาซ่งรั่วเจินนั่นดันทำนายได้ว่าเราไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ ของหรูเยียน เราก็จนปัญญาเช่นกัน!”
นายหญิงหลิ่วเพิ่งฟื้นมาก็ได้ยินคำพูดของหลิ่วอวิ๋นเวย จึงต้องรีบอธิบาย
ทว่าหลิ่วอวิ๋นเฟยไม่ยอมรับฟังอีก “ทั้งหมดล้วนต้องโทษพวกท่าน หากไม่เพราะพวกท่านทำให้สกุลซ่งเห็นพิรุธ ซ่งรั่วเจินจะนึกถึงข้อนี้ได้อย่างไร?”
“พี่หญิง เพราะท่านให้เราฉวยโอกาสตอนซ่งเยี่ยนโจวแต่งงานให้ไปก่อเรื่อง พอเราไปแล้วจึงได้เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้
ว่าไปแล้ว เพราะท่านเป็นทำร้ายพวกเรา”
หลิ่วเฟยเยี่ยนเม้มปากเล็กน้อย ก่อนหน้านี้อยู่ดีๆ ถูกบิดาตบหน้าเข้าให้ฉาดหนึ่ง จนตอนนี้ใบหน้ายังรู้สึกแสบร้อนอยู่
ในเมื่อมีโอกาส นางย่อมต้องพูดออกมาให้รู้ว่านี่เป็นความคิดของหลิ่วอวิ๋นเวย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางสักนิด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง