“ข้ารู้สึกว่าอวิ๋นฮูหยินปฏิบัติต่ออวิ๋นเฉิงเจ๋อดียิ่งนัก ไม่ใช่ลูกในไส้ของนางสักหน่อย หรือเป็นลูกชายในไส้จริงๆ?”
เพียงแต่หากเป็นเช่นนี้ แม้อวิ๋นเฉิงเจ๋อไม่ต้องตบแต่งกับอวิ๋นซีหว่าน แต่มิใช่ทำให้อวิ๋นเนี่ยนชูเสียเวลาหรอกหรือ? หากไม่มีตระกูลอวิ๋นและตระกูลจาง นางก็เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง เกรงว่าจะแต่งเข้าตระกูลดีๆไม่ได้”
ทุกคนต่างจุ๊ปากสะท้อนใจ เรื่องนี้อวิ๋นฮูหยินช่างไร้คุณธรรมยิ่งนัก แต่การที่อวิ๋นฮูหยินกระทำเช่นนี้ เรียกได้ว่าทำร้ายคนอื่นก็ทำร้ายถูกตัวเองด้วย
ในสายตาของหลายคนคือ ได้ไม่คุ้มเสีย
เพราะหลังจากหย่าร้างก็มิใช่ภรรยาของข้าราชการแล้ว ทั้งไม่มีความช่วยเหลือจากครอบครัวมารดาอีก นางก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“มารดาของเจ้าปกป้องแต่ญาติผู้พี่ของเจ้าเท่านั้น และไม่คำนึกถึงเจ้าเลยแม้แต่น้อย ได้ยินมาว่าเพราะนางไม่มีลูกชาย จึงเลี้ยงญาติผู้พี่ของเจ้าดั่งลูกชายแท้ๆ?”
อู๋เมี่ยวเสวียนหัวเราะเยาะ “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่ามาชิงกับข้า มันไม่เป็นผลดีกับเจ้าหรอก”
“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวข้า เจ้าไม่มีสิทธิที่จะเอามาพูด วันนี้เจ้าอย่าคิดจะชิงกับข้า!”
“ท่านอ๋อง เนี่ยนชูเพคะ”
ซ่งรั่วเจินอยู่ข้างนอกจำเสียงอวิ๋นเนี่ยนชูได้จึงมองไปที่ฉู่จวินถิงทันที เมื่อเห็นแล้วจึงพยักหน้าและเดินฉับเข้าไป
“เนี่ยนชู นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ซ่งรั่วเจินเดินไปอยู่ข้างๆ อวิ๋นเนี่ยนชู เห็นใบหน้างดงามของนางบัดนี้เต็มไปด้วยความโกรธเคือง และมองไปยังหญิงสาวในชุดสีม่วงเนื้อผ้าไม่ธรรมดาที่อยู่เบื้องหน้า ดูจากเครื่องประดับหยกไข่มุกที่สวมใส่แล้วก็มองออกว่าเป็นหญิงสาวมีชาติตระกูล
แต่นางไม่รู้จัก
ในเมืองหลวงมีสตรีมากมาย นอกจากคนที่คุ้นเคยและเคยเกี่ยวข้องบ้าง มีหลายคนที่นางจำไม่ค่อยได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง