ความจริงซ่งรั่วเจินไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้ แต่ว่าพูดถึงเรื่องนี้พอดีจึงเอ่ยขึ้นมาก็เท่านั้น จู่ๆ ได้รับคำตอบจริงจังเช่นนี้จากฉู่จวินถิง นางกลับรู้สึกประหลาดใจเสียอีก
“ท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”
“ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นข้าเองที่กำลังพยายามเข้าไปอยู่ในสายตาของแม่นางซ่ง”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูด รอยยิ้มประดับอยู่บนริมฝีปาก ประกายสีสันของดวงตากลับเข้มขึ้นกว่าเดิมหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องมองนางอย่างจริงจัง
ชั่วขณะนั้น ซ่งรั่วเจินสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองบนดวงตาของชายหนุ่ม
นางพลันรู้สึกเหมือนมีอะไรปัดผ่านหัวใจไป เสสายตาไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัว กล่าวว่า “ต่อให้ท่านอ๋องยอมพูด นั่นก็ต้องให้ทุกคนเชื่อด้วยถึงจะได้หรอกนะเพคะ”
หลังจากถูกถอนหมั้นตอนนั้น นางก็ได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่ไม่มีใครต้องการในเมืองหลวง แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะดีขึ้นแล้ว แต่เมื่อยืนอยู่ด้วยกันกับฉู่อ๋อง ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน
กล่าวถึงตรงนี้ นางพลันนึกถึงตอนที่ฉู่จวินถิงมอบของขวัญที่ล่ามาได้ให้นางต่อหน้าคนมากมายในเขตล่าสัตว์ก่อนหน้านี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
พิจารณาสีหน้าตกตะลึงของทุกคนในยามนั้นโดยละเอียดแล้ว นางก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ “กลัวแต่ว่าทุกคนจะคิดว่าท่านตาบอดไป หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นข้าที่ใช้คุณไสยกับท่าน”
“พวกเขาต่างหากที่ตาบอด” ดวงตาฉู่จวินถิงฉายแววจริงจัง “อีกไม่นาน พวกเขาก็จะได้เห็นเองว่าสายตาข้าดีแค่ไหน”
ซ่งรั่วเจินสบกับแววตาลึกล้ำจริงจังของชายหนุ่มแล้วก็เก็บความคิดหยอกเย้ากลับไป นางเลิกคิ้วน้อยๆ พลางเอ่ยด้วยความเย่อหยิ่งอยู่หลายส่วน “นับว่าท่านตาแหลม!”
ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ไม่รู้ว่าเริ่มเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด ราวกับว่าเพียงได้เจอแม่นางผู้นี้ เขาก็อารมณ์ดีโดยไม่รู้ตัว
ทั้งที่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว อารมณ์กลับปลอดโปร่งสดใสราวกับดวงอาทิตย์เจิดจ้ากลางฤดูร้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง