“ท่านอ๋อง ถึงวัดอวิ๋นฉานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของอวิ๋นหยางดังลอดเข้ามาจากภายนอกรถม้า
ซ่งรั่วเจินเลิกผ้าม่านขึ้นก็ได้ยินเสียงวุ่นวายขวักไขว่ ผู้คนที่สัญจรไปมาไม่น้อยจริงๆ เห็นได้ว่าวัดอวิ๋นฉานเต็มไปด้วยผู้มาสักการะ
“วันนี้มาสายแล้ว ทั้งยังเข้าแถวไม่ทัน คงไม่ได้พบไต้ซือแล้ว”
หญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งสีหน้าเต็มด้วยความเสียดาย นางได้ยินมาว่าที่วัดอวิ๋นฉานมีไต้ซือผู้หนึ่งที่เก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง จึงตั้งใจมาหา
เดิมคิดว่าตนมาได้เช้าพอสมควรแล้ว กลับกลายเป็นว่าแม้แต่โอกาสได้พบไต้ซือก็ไม่มี
“ฮูหยิน ได้ยินว่าบัดนี้ผู้ที่ต้องการพบไต้ซือนั้นมีมากมาย หลายคนถึงกับพักแรมอยู่บนเขาสักคืน แต่ถึงกระนั้นวันถัดไปก็ใช่ว่าจะจัดแจงจนได้พบเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่างอย่างจนใจ
ซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงสบตากันแวบหนึ่ง ดูท่าไต้ซือผู้นี้จะฝีมือไม่ธรรมดา การจะพบสักคราจึงได้ยากเย็นเพียงนี้
“คุณหนู หากท่านตั้งแผง คนจะไม่เยอะยิ่งกว่าหรือเจ้าคะ?”
เฉินเซียงสองตาเป็นประกาย บัดนี้นางประจักษ์ถึงความสามารถคุณหนูของตนแล้วว่าเยี่ยมยอดเพียงใด คำนวณว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ!
ไต้ซือท่านนี้ก็คงฝีมือดีได้ไม่เท่ากับคุณหนู!
อวิ๋นหยางเองก็อดมองไปยังซ่งรั่วเจินไม่ได้ ความสามารถนี้ของแม่นางซ่งเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา หากตั้งแผงทำนายดวงชะตาจริง เกรงว่าขุนนางผู้ลากมากดีในเมืองหลวงเป็นต้องกรูกันเข้าหาเลยกระมัง?
“เรื่องเช่นนี้ก็ใช่ว่าไม่เคยทำมาก่อน” ซ่งรั่วเจินเผลอพูดออกมา
นึกถึงครานั้น นางเคยว่างจนเบื่อหน่ายจึงตั้งแผงดูดวงอยู่ใต้สะพานลอย พบผู้ใดมีวาสนาต่อกันก็ไม่รังเกียจที่จะทำนายดวงชะตาให้ ล้วนเป็นเรื่องของวาสนา!
เฉินเซียงฟังแล้วตะลึงงัน “คุณหนู ท่านเคยตั้งแผงดูดวงชะตาเมื่อใดหรือเจ้าคะ?”
ซ่งรั่วเจินเพิ่งตั้งสติได้ รีบโบกมือเอ่ย “ข้าหมายถึงเรื่องเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เมื่อใดซัดเซพเนจรไร้ข้าวกินแล้ว ข้าตั้งแผงทำนายดวงชะตาก็เลี้ยงดูครอบครัวได้”
ดวงตาดำขลับลึกล้ำของฉู่จวินถิงจ้องมองไปยังซ่งรั่วเจิน ในใจก็ยิ่งชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินตรงหน้าหาใช่คนเดียวกันกับซ่งรั่วเจินที่เคยพบเมื่อชาติที่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง