“ท่านอ๋อง เกรงว่าคนเหล่านี้ของวัดอวิ๋นฉานไม่รู้เรื่องจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าอวิ๋นหยางไม่สบอารมณ์ พวกเขาจับมือสังหารไว้สองสามคน ไต้ซือเทียนจีหนีรอดไปได้แล้ว
สายตาฉู่จวินถิงหม่นลง พูดว่า “ค้นหาเส้นทางลับของที่นี่ ตามสืบต่อไป”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
......
ยามถึงเวลาลงเขา ซ่งรั่วเจินมองขาของตนอย่างเอือมระอา นางไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจริงๆ ก็แค่หนีโดยไม่ทันระวังจึงข้อเท้าพลิก
หลังตนทะลุมิติเข้ามาในนิยายแล้ว บ่าของคุณหนูสูงศักดิ์นางนี้ไม่อาจแหกหาม แขนยกไม่ขึ้น บัดนี้นับว่าพัฒนาขึ้นไม่น้อยแล้ว หากเปลี่ยนเป็นที่ผ่านมา นั่นคืออ่อนแอมิอาจต้องลม
“ข้อเท้าพลิกหรือ?”
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นท่าทางการเดินของซ่งรั่วเจินผิดปกติไป เสียงทุ้มต่ำสะท้อนความห่วงใย
“หม่อมฉันเดินแล้วรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่ลงเขาต้องเดินไกลถึงเพียงนั้น มิสู้...หาเสลี่ยงไม้ไผ่สองคนหามแบกหม่อมฉันลงเขาดีหรือไม่?”
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือบิดเบี้ยว เจือความจนใจ
หากระยะทางไม่ไกล นางทนสักครู่ก็ช่างเถอะ ทว่าวัดอวิ๋นฉานอยู่บนเขา หากเดินลงเขาเช่นนี้ต่อไป น่ากลัวว่ากลับไปแล้ว ขาจะต้องพิการแน่
สายตาของนางกวาดมองพวกอวิ๋นหยาง คล้ายกำลังใคร่ครวญว่าจะลงเขาเยี่ยงไรถึงจะดี แท้จริงแล้วสะดวกที่สุดคือแบกขึ้นหลังลงเขา แต่ตอนนี้อยู่ในยุคสมัยโบราณ...
สถานการณ์ของเฉินเซียงในเวลานี้สาหัสยิ่งกว่านางเสียอีก น่ากลัวว่าลงเขาไม่ไหว
หลังอวิ๋นหยางสังเกตเห็นสายตาของซ่งรั่วเจินที่มองมา ตกตะลึงภายในใจ รีบก้มหน้าลงไป
นี่หากถูกแม่นางซ่งเลือก น่ากลัวว่าวันนี้ชีวิตเขาต้องฝากไว้ที่นี่แล้ว
ฉู่จวินถิงมองการกระทำของซ่งรั่วเจินอยู่ภายในก้นบึ้งของสายตา ปลายลิ้นแตะกระพุ้งแก้มเบาๆ ถูกทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว เขาคนตัวโตถึงเพียงนี้...ถึงขั้นถูกเมินข้าม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง