เมื่อได้ยินว่าข้อเท้าแพลง หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง มองทางฉู่จวินถิงด้วยแววตาอ่อนโยนเป็นพิเศษ
“ท่านอ๋อง ก็แค่ข้อเท้าแพลงเพราะไม่ทันระวัง นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เจินเอ๋อร์พักผ่อนสองวันก็ดีขึ้นแล้ว ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
สี่พี่น้องสกุลซ่งล้วนพยักหน้า เห็นฉู่จวินถิงเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจถึงเพียงนี้ พวกเขายังคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อันใดเสียอีก บัดนี้ได้รู้ว่าบาดเจ็บข้อเท้าแพลง นี่จึงวางใจลงแล้ว
ทว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญต่อรั่วเจินไม่ธรรมดา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ยังไม่ต้องพูดว่าข้อเท้าแพลงเลย ต่อให้ตายตรงหน้าท่านอ๋องก็ไม่ชายตาแลเลยสักครั้ง
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ท่านเองก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิดเพคะ” ซ่งรั่วเจินพูดยิ้มๆ
ฉู่จวินถิงพยักหน้า “เช่นนั้นข้ากลับก่อน ขอลา”
“ท่านอ๋องกลับดีๆ นะเพคะ”
คนสกุลซ่งยืนอยู่ที่เดิมส่งรถม้าจากไป จากนั้นจึงได้เห็นเฉินเซียงที่ยืนอยู่ข้างหลังรถม้า
ตอนพวกเขาได้เห็นเลือดบนตัวเฉินเซียง แต่ละคนล้วนเบิกตากว้าง “นี่...นี่คือเลือดหรือ?”
เฉินเซียงเดินเข้ามาท่ามกลางสายตาของทุกคน มองคุณหนูบ้านตนอย่างเอือมระอา หากนางพูดว่าไม่ใช่ น่าจะไม่มีคนเชื่อกระมัง?
ซ่งรั่วเจิน “เฉินเซียงโชคไม่ดี ตอนเดินบนถนนถูกคนอาเจียนเลือดใส่แล้ว”
ทุกคน “???”
......
จวนอ๋อง
ดวงจันทร์ลอยเด่นปลายกิ่งหลิว สีท้องฟ้ายามราตรีดุจสายน้ำ
ฉู่จวินถิงนั่งภายในลาน แหงนหน้ามองจันทร์กระจ่าง ทั้งตัวคนคล้ายกลมกลืนเข้ากับสีท้องฟ้ายามราตรี
“ท่านอ๋อง สอบสวนสองสามคนที่จับได้แล้ว พวกเขาล้วนฟังคำสั่งของไต้ซือเทียนจี ไม่รู้ว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกันแน่”
อวิ๋นหยางทำความเคารพทีหนึ่ง เอ่ยรายงานผล “ไต้ซือเทียนจีลงมือโดยไร้ช่องโหว่ ได้ยินว่าวันนี้หากจับแม่นางซ่งได้ก็จะมีโอกาสได้พบเจ้านายที่แท้จริง แต่ทำไม่สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง