ผู้ดูแลเผยสีหน้าเอือมระอา ทุกวันเพียงแค่เงินแจกจ่ายโจ๊กก็ใช้จ่ายไปไม่น้อย ครั้นเปลี่ยนเป็นแจกจ่ายซาลาเปาเนื้อราคาก็ชวนให้คนตกตะลึง อีกเดี๋ยวจะต้องไปคลังขอเบิกเงินอีกแล้ว...
ซ่งจิ่งเซินและซ่งจืออวี้มองบรรยากาศครึกครื้นที่ประตูเมืองทิศทักษิณแห่งนั้น เอ่ยออกมาอย่างสลดใจ “ความยิ่งใหญ่เช่นนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมาก่อน สกุลถังเงินหนาไม่ผิดไปดังคาด!”
“น้องสี่ อัครมหาเสนาบดียอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เหตุใดกับเรื่องนี้ถึงได้โง่งมนัก ปล่อยให้ถังเสวี่ยหนิงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้?”
ซ่งจืออวี้เผยสีหน้าสงสัย คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนอาจไม่เข้าใจ แต่อัครมหาเสนาบดีไม่มีทางไม่รู้ผลลัพธ์ที่ตามมาของการกระทำนี้
ซ่งจิ่งเซินหัวเราะเบาๆ “ได้ยินมาว่าเมื่อคืนดื่มสุราจนเมามาย น่ากลัวว่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้”
“หากรู้เข้า จะต้องไม่ปล่อยให้นางทำเรื่องเหลวไหลแน่ แต่เรื่องนี้ชุลมุนวุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ ต่อให้หลังผ่านวันนี้ไปจะห้ามเอาไว้ น่ากลัวว่าไม่ทันการณ์แล้ว”
“ฉวยโอกาสในครั้งนี้ พวกเราเองก็หาเงินได้มาก อย่างไรเสียจวนถังก็ไม่ขาดเงินอยู่แล้ว”
“สกุลถังแจกจ่ายโจ๊ก พวกเราหาเงินได้อย่างไร?” ซ่งจืออวี้ตกตะลึง
ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้วขึ้น “ปกติท่านไม่สนใจการค้า ย่อมไม่รู้ ท่านเองก็ลองคิดดูเถอะว่าจวนของพวกเรามีการค้าใดบ้างที่ไม่ได้ทำ?”
“ไม่ว่าร้านขายเนื้อหมู หรือร้านซาลาเปาเนื้อ ล้วนมีทั้งนั้น! ร้านรวงของเมืองทางทิศทักษิณที่สกุลถังเหมาไป ก็เป็นของพวกเราสกุลซ่ง”
ซ่งจืออวี้ “...สมเป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์!”
“ท่านเข้าใจอันใด? นางยินดีซื้อ พวกเรายินดีขาย นี่เรียกว่าทำความดี! หากพวกเราไม่ขาย พวกเขาจวนถังมีไม่พอ นั่นไม่เดือดร้อนแย่หรือ?”
ซ่งจิ่งเซินเสมองเขาแวบหนึ่ง “เรียนรู้จากข้าให้ดีๆ เถอะ!”
......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง