“ช่วงนี้ฉู่อ๋องสนิทสนมกับซ่งรั่วเจินมากไม่ใช่หรือ? หลิงไท่ซือย้ายกลับเมืองหลวงมาทั้งครอบครัวพอดีเช่นนี้ นั่นมิเท่ากับว่า...”
ทุกคนพลันสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้ แต่ละคนบังเกิดความสนอกสนใจขึ้นมาทันที
ยามนี้ซ่งรั่วเจินเป็นถึงหลานสาวของราชครูกู้ มีฐานะสูงศักดิ์กว่ากาลก่อน แต่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ก็เป็นถึงหลานสาวของหลิงไท่ซือ ทั้งเคยสร้างความชอบในสนามรบและยังได้รับคำชมเชยจากฝ่าบาท
สตรีทั้งสองยืนเคียงข้างกันก็ไม่รู้จริงๆ ว่าฉู่อ๋องจะเลือกอย่างไร
ฉู่มู่เหยาเดินยิ้มมาถึงตรงหน้าพวกซ่งรั่วเจินแล้วยิ้มเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้พี่หญิงเชี่ยนเอ๋อร์ไปคารวะเสด็จแม่ที่ตำหนัก เสด็จแม่ไม่ได้เจอนางนานแล้วจึงพูดจากับนางมากหน่อยทำให้มาถึงล่าช้า”
ซ่งรั่วเจินไม่รู้จักหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ แต่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสายตาของฝ่ายตรงข้ามเหมือนจะมองมาที่ตนเองโดยแฝงนัยลึกซึ้ง
เนื้อหาในนิยายกล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับฉินซวงซวงและหลินจือเยว่เป็นหลัก ส่วนตระกูลซ่งที่มีหน้าที่ชูบทตัวเอกยามนี้ตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถลงเรื่อยๆ ส่วนหลิงเชี่ยนเอ๋อร์...ในนิยายต้นฉบับที่นางอ่านดูเหมือนจะไม่เคยปรากฏตัว
“องค์หญิงหก สุขสันต์วันเกิดเพคะ”
ซ่งรั่วเจินส่งของขวัญในมือให้ฉู่มู่เหยาพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะ ของที่เจ้าให้มาข้าจะต้องชอบมากแน่นอน!” ความปีติยินดีเกลื่อนใบหน้าฉู่มู่เหยา “ข้าเปิดดูได้หรือไม่?”
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ “แน่นอนเพคะ”
เมื่อฉู่มู่เหยาเปิดฝากล่องขึ้นมาก็เห็นว่าข้างในคืออาภรณ์และเครื่องประดับที่เข้าชุดกัน ดวงตาทอแววตื่นเต้นยินดีเหลือล้น
“นี่จะงดงามเกินไปแล้ว!” ฉู่มู่เหยาเอ่ยด้วยความยินดี
กู้ฮวนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็อ้าปากหวอโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
“รั่วเจิน งานเลี้ยงเย็นนี้เตรียมของอร่อยไว้ไม่น้อยเลยนะ ประเดี๋ยวเจ้านั่งข้างข้าดีหรือไม่?” ฉู่มู่เหยาคล้องแขนซ่งรั่วเจินด้วยท่าทางสนิทสนมอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง