ยามนี้ทุกคนนั่งประจำที่กันหมดแล้ว ถึงจะเหลือที่ว่าง แต่ก็อยู่ห่างจากตรงนี้มากนัก
ก่อนหน้านี้เสด็จแม่ยังกำชับให้นางดูแลพี่หญิงหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ดีๆ โดยเฉพาะ ไม่ได้กลับเมืองหลวงมานานเช่นนี้ ไม่คุ้นเคยกับใคร ย่อมไม่อาจปล่อยให้นางนั่งโดดเดี่ยวตามลำพังอยู่ด้านหลัง
“วันนี้เป็นวันเกิดขององค์หญิง ข้านั่งด้วยไม่เหมาะสม” หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มอย่างอ่อนโยนและมีมารยาท “ข้าไปนั่งด้านหลังดีกว่า”
ฉู่จวินถิงเหลือบมองหลิงเชี่ยนเอ๋อร์แวบหนึ่ง สายตากวาดไปยังข้างๆ ซ่งรั่วเจินอย่างครุ่นคิด เหมือนกำลังใคร่ครวญความเป็นไปได้ที่จะนั่งด้วยกันสองคน
ครู่ต่อมา เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่นางหลิง เจ้ามานั่งตรงนี้เถอะ”
ความประหลาดใจวาบผ่านดวงตาหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ “แล้วเจ้า...”
ซ่งรั่วเจินก็มองฉู่จวินถิงด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉู่มู่เหยาแนะนำก็รู้แล้วว่าพวกเขาเป็นสหายที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก แต่ด้วยนิสัยของฉู่จวินถิง ถึงกับเป็นฝ่ายสละที่นั่งเองหรือนี่?
กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าฉู่อ๋องถึงขั้นสละที่นั่งของตนเองให้หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดึงหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มานั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง
“ญาติผู้พี่หลิง ท่านอ๋องนั่งลงแล้ว ท่านก็นั่งที่นั่งข้าก็แล้วกัน! ข้าไปนั่งกับญาติผู้พี่รั่วเจินก็ได้เจ้าค่ะ!”
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์อึ้งไป แต่กู้ฮวนเอ๋อร์รวดเร็วมาก นางไม่มีแม้แต่โอกาสจะปฏิเสธ
เมื่อกู้ฮวนเอ๋อร์นั่งลงข้างกายซ่งรั่วเจิน นางไม่นั่งลงระหว่างฉู่อ๋องกับซ่งรั่วเจินอย่างรู้กาลเทศะ แต่ไปนั่งอีกฝั่งของซ่งรั่วเจินซึ่งอยู่ติดกับองค์หญิงหก
ฉู่มู่เหยาชมดูจนเข้าใจแล้วก็อดลอบยิ้มไม่ได้ คิดไม่ถึงว่ากู้ฮวนเอ๋อร์ก็เป็นกองหนุนเหมือนกัน
“แม่นางหลิงก็เป็นญาติผู้พี่ของเจ้าเหมือนกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง