“จวินถิง ไม่ได้กลับมาหลายปี เจ้าไม่ถือสาที่ข้าเรียกเจ้าแบบนี้กระมัง?” หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา
ฉู่จวินถิงมีสีหน้าสูงส่งเย็นชาเหมือนที่ผ่านมา “ไม่เป็นไร คราวนี้พี่ใหญ่เจ้ากลับมาด้วยหรือไม่?”
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มบาง “พี่ใหญ่มีเรื่องบางอย่างยังจัดการไม่แล้วเสร็จจึงกลับมาช้ากว่าข้า แต่คิดว่าอีกสองวันก็คงกลับมาแล้ว รอจนเขากลับมาจะต้องไปชวนเจ้าร่ำสุราเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน”
ฉู่จวินถิงนึกถึงหลิงมู่ชวน คล้ายกับว่านึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน สีหน้าจึงอ่อนโยนลงเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ได้เจอเขาตอนอยู่ในสนามรบ ในที่สุดตอนนี้ก็ได้กลับเมืองหลวงเสียที”
เมื่อทุกคนเห็นฉู่จวินถิงที่พูดจาและปฏิบัติกับสตรีโดยไม่ไว้หน้ามาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้กลับสนทนากับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ด้วยสีหน้าอ่อนโยนเช่นนี้ กระทั่งเป็นฝ่ายตอบโต้กลับไป ดวงตาต่างฉายแววตกตะลึง
“ฉู่อ๋องกับแม่นางหลิงรู้จักกันมาตั้งแต่เล็ก ไม่เพียงมีความสัมพันธ์มานมนาน แม่นางหลิงยังเคยนำทัพออกศึก เรียกได้ว่าเป็นยอดสตรีในหมู่สตรี”
“ถ้าทั้งคู่ได้ครองคู่กัน เช่นนั้นก็เหมาะสมกันไม่ธรรมดาเชียวละ!”
“จนถึงตอนนี้ฉู่อ๋องก็ยังไม่หมั้นหมาย แม้ก่อนหน้านี้จะพูดกันว่าปฏิบัติกับซ่งรั่วเจินต่างออกไป แต่ก็ไม่หมั้นหมายกันเสียที ไม่แน่ว่าอาจมีความเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้”
ซ่งรั่วเจินสามารถได้ยินบทสนทนาระหว่างฉู่จวินถิงและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ไม่มีตรงไหนไม่เหมาะสม นางสัมผัสได้ถึงสายตาเห็นใจที่คนอื่นๆ มองมาทางตนเองแล้วก็อดนึกขันไม่ได้
คนเราชอบคิดฟุ้งซ่านเหลวไหลกันจริงๆ ด้วย ทั้งที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้นแท้ๆ พวกเขาก็จินตนาการเรื่องราวความรักความแค้นออกมาได้แล้ว
“จวินถิง หมูเปรี้ยวหวานจานนี้อร่อยมาก ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าชอบ ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้ายังชอบอยู่หรือเปล่า?”
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มเอ่ยขึ้นมา ถึงจะไม่ได้เจอกันหลายปี นางก็ยังจำความชอบของฉู่จวินถิงได้
ฉู่จวินถิงมองดูหมูเปรี้ยวหวานตรงหน้าตัวเองแล้วมองไปทางซ่งรั่วเจินโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเห็นว่าหมูเปรี้ยวหวานจานเล็กบนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาวหมดเกลี้ยงไปแล้ว
เขาจำได้ว่านางก็ชอบกินหมูเปรี้ยวหวานเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง