“เชื่อข้า ให้เวลาข้าจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อยอีกหน่อย ดีหรือไม่?”
สุ้มเสียงฉู่จวินถิงแผ่วเบา ท่าทีนุ่มนวล จับจ้องคนตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น หวังเพียงคำตอบที่แน่นอนอย่างหนึ่ง
ซ่งรั่วเจินสบมองชายตรงหน้า คล้ายต้องมนต์ก็มิปาน พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
ชั่วขณะได้เห็นฝ่ายหญิงพยักหน้า ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความตกตะลึงดีใจ ยื่นมือออกไปโอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่น
อ้อมกอดของฝ่ายชายอบอุ่นมาก เจือกลิ่นไม้สะอาดบริสุทธิ์ โอบล้อมนางไว้ภายใน
แผ่นหลังซ่งรั่วเจินเกร็งขึ้นเล็กน้อย อ้อมกอดแปลกใหม่แต่ก็คุ้นเคยนี้ทำให้นางหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว มือสองข้างแข็งเกร็งอยู่ที่นั่น ไม่รู้สมควรวางไว้ที่ใดถึงจะดี
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือที่ไม่รู้จะวางไว้ที่ใดก็ค่อยๆ โอบลงบนเอวของฝ่ายชาย
สัมผัสได้ถึงการกระทำของมือเล็กที่อยู่ข้างหลัง มุมปากฉู่จวินถิงยกขึ้นเบาๆ ภายในสายตาเจือรอยยิ้ม
นี่เป็นครั้งแรกที่นางโอบกอดเขา
แม้ว่าเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่นางกลับไม่ปฏิเสธ
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋อง ใช่หรือไม่ว่าสมควรปล่อยหม่อมฉันได้แล้ว?”
ฉู่จวินถิงนี่ถึงปล่อยนาง สายตาดำเข้มสบมองนาง จับจ้องใบหน้าแดงเรื่อของฝ่ายหญิง รอยยิ้มภายในสายตาของเขาลึกซึ้งมากขึ้นหลายส่วน
“ขออภัย ตื่นเต้นไปชั่วขณะ”
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าลงอย่างประหม่า นิ้วทั้งห้าใต้แขนเสื้องอเข้าหากัน ทั้งๆ ที่ไม่เกิดเรื่องใดขึ้น กลับรู้สึกว่าแม้แต่สายตาของฉู่จวินถิงก็อ่อนโยนจนแทบสิ้นชีพ
“ท่านอ๋อง มีเรื่องหนึ่งที่หม่อมฉันไม่รู้ว่าสมควรพูดกับท่านหรือไม่...”
สายตาฝ่ายหญิงเจือความลังเลอยู่รางๆ หากบอกฉู่จวินถิงในตอนนี้ จะต้องถูกสงสัยว่าหึงหวงน่ารังเกียจอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง