“พี่สาม ท่านระงับโทสะก่อน” ซ่งจิ่งเซินเห็นซ่งจืออวี้ใกล้ระเบิดเต็มที ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ใช่ว่าท่านไม่รู้เดิมทีคนในวังก็จ้องจับผิดไปทุกที่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉู่อ๋องมีความสามารถตั้งแต่เด็ก เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของฮองเฮา”
“พูดไปแล้ว ล้วนต้องตำหนิการแต่งงานในตอนแรกทำนางเสียเรื่อง หากเมื่อสองปีก่อนได้คบหากับฉู่อ๋อง ก็คงไม่มีเรื่องยุ่งยากมากถึงเพียงนี้”
“เช่นนั้นพวกเราต้องนิ่งดูดายมองน้องหญิงห้าถูกรังแกเช่นนี้หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดเสียงเกรี้ยวกราด
ซ่งอี้อันใจเย็นที่สุด พูดว่า “อย่าเพิ่งร้อนใจ น้องหญิงห้าเป็นคนมีความคิดคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นภายในใจฉู่อ๋องเองก็มีนาง คาดว่าไม่มีวันนิ่งดูดายมองน้องหญิงห้าถูกรังแกแน่”
“พวกเราใส่ใจเรื่องนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ยังรอดูความคิดของน้องหญิงห้าก่อนเถอะ หากนางไม่ยินดี พวกเราก็เป็นกำลังหนุนของนาง หากนางชอบ พวกเราก็อย่าทำให้นางลำบากใจ”
ซ่งจืออวี้ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ช่างน่าอึดอัดใจโดยแท้”
“อันที่จริงก็นับว่ายังดี ฮองเฮาจับคู่ส่งเดช เดิมทีฉู่อ๋องก็มิได้สนใจ” ซ่งจิ่งเซินพูด
ในฐานะบุรุษเฉกเดียวกัน ฉู่จวินถิงแสดงออกอย่างชัดเจน เขาเชื่อว่าด้วยอุปนิสัยของฉู่อ๋อง จะต้องหาวิธีจัดการได้แน่
เห็นว่ารถม้าใกล้ถึงแล้ว ซ่งจืออวี้มองคนที่กำลังรออยู่หน้าประตูสกุลซ่งผ่านผ้าม่าน ท่าทีแปลกประหลาดขึ้นมา
“น้องสี่ หนี้ดอกท้อของเจ้ามาอีกแล้ว”
ถ้อยคำนี้หลุดออกมา สีหน้าซ่งจิ่งเซินเปลี่ยนไป “เคอหยวนจื่อ?”
“นอกจากนางยังจะมีใครอีกเล่า? หลายปีมานี้หากเจ้ายังมีหนี้ดอกท้อคนอื่น ก็คงไม่ปักใจอยู่กับนางเพียงผู้เดียว” ซ่งจืออวี้พูดแทงใจอย่างไม่ไว้หน้า
ซ่งจิ่งเซิน “...ท่านไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าท่านเป็นใบ้หรอกนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง