“มีอันใดไม่เหมาะสมงั้นรึ?”
ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามของฉู่จวินถิงปลอดโปร่งเฉยเมย เห็นได้ชัดว่าไม่รู้สึกว่ามีปัญหาตรงไหน
ฉู่เทียนเช่อเก็บงำสายตา ในใจอดสงสัยไม่ได้ ในสายตาของเขา ฉู่จวินถิงฉลาดมากมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าจะเป็นคนที่หน้ามืดตามัวเพราะหลุ่มหลงงมงายในความรัก
อันที่จริงหากกล่าวโดยละเอียดแล้ว ถ้าซ่งรั่วเจินไม่เคยถอนหมั้นและอายุน้อยกว่านี้สักสองปี นางก็ไม่ด้อยไปกว่าหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เลย
แต่เรื่องมงคลกับหลินจือเยว่ครึกโครมจนคนรู้กันทั่ว ทั้งยังถอนหมั้นกลางวันวิวาห์ เพราะเหตุนี้จึงไม่มีทางเข้าตาฮองเฮา
หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เพิ่งกลับมาเมื่อวาน วันนี้ฉู่จวินถิงก็ไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเพื่อบอกกล่าวความในใจ เห็นได้ชัดว่าไม่พิจารณาตระกูลหลิงเลยสักนิด กลัวแต่ว่าตระกูลหลิงกลับมาคราวนี้คงมีปัญหาอันใด?
เห็นที เขากลับไปแล้วจะต้องตรวจสอบให้ดีสักหน่อย ได้ยินว่าหลิงไท่ซือรักใคร่เอ็นดูหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เป็นอย่างมาก ถ้ารู้ว่าฉู่อ๋องไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา สองฝ่ายจะต้องเกิดช่องว่างขึ้นอย่างไม่อาจเลี่ยงเป็นแน่
“เปล่า ข้าเพียงประหลาดใจเท่านั้น”
ฉู่เทียนเช่อหัวเราะเบาๆ สายตาที่มองไปทางซ่งรั่วเจินเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมา แม่นางผู้นี้มีรูปโฉมงดงามปานนี้ ทั้งยังมีความสามารถ ถ้าได้เป็นชายาฉู่อ๋องจริงก็คงยุ่งยากทีเดียว
แต่ฉู่จวินถิงจริงจังปานนี้ เขาอยากให้ซ่งรั่วเจินมาเป็นชายารองของเขาก็คงเป็นเรื่องยากโดยไม่ต้องสงสัย
“เสด็จพี่ไม่ต้องเป็นห่วงข้า มีเวลาตรงนี้ สู้เอาไปปลอบพี่สะใภ้จะดีกว่า”
“วันนี้ตอนข้าออกมาจากวัง ผ่านจวนเช่ออ๋องพอดี ได้ยินพี่สะใภ้เรียกรวมคนเตรียมตัวกลับบ้านเดิม ถ้าเรื่องนี้ลือออกไปเกรงว่าคงกระทบต่อชื่อเสียงของเสด็จพี่”
“อะไรนะ?”
สีหน้าฉู่เทียนเช่อพลันเปลี่ยนแปลง ขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าตนเองเสียกิริยาไปแล้วจึงเพียงยิ้มเอ่ยอย่างอ่อนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง