“ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันได้ค้นตัวไต้ซือเทียนจีใช่หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถาม
ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ก่อนหน้านี้คนผู้นั้นรีบร้อนเกินไป พวกข้าไม่เปิดโอกาสให้เขา แต่ว่ากันตามปกติแล้ว ของที่มีค่ามากมักจะไม่พกติดตัวไว้”
“สิ่งสำคัญที่สุดมักไม่พกติดตัวก็จริง แต่คนในวงการพวกข้า โดยเฉพาะคนชั่วร้ายอย่างเขา จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ข่มขู่อย่างแน่นอน”
คิ้วบางของซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นน้อยๆ ต่อให้เคยเจอไต้ซือเทียนจีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ทราบว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าผู้หนึ่ง
กระทำเรื่องชั่วช้ามาหลายปีขนาดนี้แต่ก็ยังอยู่รอดปลอดภัย แล้วจะไม่มีวิธีปกป้องตัวเองเลยได้อย่างไร?
กู้ชิงฉือได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปข้างกายไต้ซือเทียนจีแล้วเริ่มค้นหาอย่างละเอียด การค้นตัวครั้งนี้พบว่านอกจากยันต์ที่อ่านไม่ออกพวกนั้นแล้วยังมียาลูกกลอนอีกสองเม็ด
“ไม่มีของอย่างอื่น แต่มีหินก้อนหนึ่ง นี่คือหยิบติดตัวมาด้วยงั้นรึ?”
กู้ชิงฉือมองก้อนหินในมือ หินก้อนนี้แม้พอจะนับได้ว่ามนเกลี้ยง แต่ก็ดูแตกต่างจากก้อนหินที่พบเห็นได้ทั่วไปบริเวณริมแม่น้ำมากเกินไป
“ข้าขอดูหน่อย”
ซ่งรั่วเจินก้าวเร็วๆ เข้ามาหา มองก้อนหินในมือแล้ว ทันใดนั้นก็นึกครึ้มใจขึ้นมา
“เห็นที หินก้อนนี้คงเป็นกุญแจสำคัญแล้วละ”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็มีสีหน้าประหลาดใจ หินธรรมดาก้อนหนึ่งกลับเป็นกุญแจสำคัญหรือนี่?
ฉู่จวินถิงพินิจก้อนหินในมือซ่งรั่วเจินตรงหน้าพลางถามว่า “นี่คือกุญแจงั้นรึ?”
“บนนี้มีพลังวิญญาณอยู่ด้วย คงเป็นกุญแจไม่ผิดแน่ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งของซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่”
ซ่งรั่วเจินผายมือ “ถ้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หม่อมฉันยังสามารถสัมผัสได้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ที่นี่”
“น่าเสียดายที่ไต้ซือเทียนจีตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเราอาจใช้ผีทวงชีวิตค้นหาเบาะแสได้ แต่เขาตายไปแล้ว ผีทวงชีวิตก็ตายตามไปด้วย จึงไม่อาจตามรอยต่อไปได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง