“แม่นางซ่งกับน้องสามมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน นางก็คือว่าที่พระชายาฉู่อ๋อง เจ้าเป็นพี่สะใภ้ แต่ตอนนี้เจ้ากลับกล้ากล่าวหาว่านางยั่วยวนข้า คิดจะยุแยงความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างข้ากับฉู่อ๋องงั้นรึ?”
เฉียนหย่าหลินได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็พลันเผือดสี
โทษหนักปานนี้ นางแบกรับไม่ไหวจริงๆ!
ตอนนี้เดิมก็เป็นช่วงเวลาเปราะบาง ถ้านางกล้าทำให้เกิดช่องว่างระหว่างอ๋องทั้งสอง เกรงว่าราชวงศ์คงไม่ปล่อยนางไว้แน่!
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเด็ดขาดเพคะ หม่อมฉันมิกล้าเพคะ!”
ฉู่จวินถิงเอ่ยเสียงเรียบ “พี่สะใภ้หาว่าแม่นางซ่งยั่วยวนข้ากับเสด็จพี่รองในเวลาเดียวกัน มิเท่ากับกล่าวหาว่าพวกข้าโง่เขลาเบาปัญญาหรือไร?”
“เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับความสามัคคีในหมู่พี่น้องเป็นที่สุดแล้ว หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของข้ากับเสด็จพี่ล้วนต้องจบสิ้น”
ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วบางขึ้นน้อยๆ ฉู่จวินถิงไม่ปล่อยนางไปจริงๆ ด้วย
“เสด็จพี่ แต่งภรรยาแต่งผู้มีคุณธรรม พี่สะใภ้ทำลายชื่อเสียงท่าน ข้าคงไปยุ่งไม่ได้ แต่ชื่อเสียงของข้ายังต้องรักษาไว้ ชื่อเสียงรั่วเจินก็ต้องรักษาไว้เหมือนกัน!”
คำพูดของฉู่จวินถิงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ชี้ชะตาเฉียนหย่าหลินโดยไม่ต้องสงสัย
ฉู่เทียนเช่อเดิมก็รู้สึกว่าเฉียนหย่าหลินไม่รู้จักมองภาพรวม ตนเองเป็นพระชายา แต่กลับไม่รู้จักเปิดใจให้กว้าง พฤติกรรมไร้สง่าราศี
แม้จะมีชาติกำเนิดไม่เลว แต่นิสัยเช่นนี้ยากนักที่จะเชิดหน้าชูตาได้ ต่อให้เป็นนายหญิงในบ้านขุนนางทั่วไปก็ยังไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็นชายาอ๋อง
หากเขาได้เป็นฮ่องเต้ในวันหน้า คนเช่นนี้จะสามารถเป็นมารดาของแผ่นดินได้อย่างไร?
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ใช่พระชายาเช่ออ๋องอีกต่อไป ลดตำแหน่งเป็นชายารอง ถ้าเจ้ากล้าสร้างปัญหาอีก ข้าจะหย่าเจ้า!” ฉู่เทียนเช่อเอ่ยเสียงเย็นชา
สิ้นเสียงนั้น เฉียนหย่าหลินพลันเบิกตากว้าง หัวสมองขาวโพลน!
นางได้ยินอะไรนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง