“ในที่สุดก็ไปสักที พระชายาเช่ออ๋องนี่เสียสติไปแล้วจริงๆ มีเวลาขนาดนี้ไม่สู้กลับไปจัดการอนุในจวนนางให้ดี มาทำกร่างที่จวนตระกูลซ่งของพวกเราทำไมกัน?”
ซ่งจืออวี้มีสีหน้ารังเกียจ ยิ่งรู้สึกถึงความสำคัญของการเลือกภรรยาที่มีคุณธรรมและสติปัญญามากขึ้น
เช่ออ๋องมีพระชายาเช่นนี้ ก็นับว่าโชคร้ายเสียจริง!
“ใครจะไปรู้เล่า?”
ซ่งรั่วเจินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ อารมณ์ดีที่เคยมีอยู่ถูกทำลายไปเสียแล้ว
“ท่านอ๋องทรงเหนื่อยแล้วใช่ไหมเพคะ? หม่อมฉันจะไปชงชาให้ท่านอ๋องเองเพคะ”
ซ่งรั่วเจินยิ้มก่อนจะทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งไว้ แล้วรีบดึงซ่งจืออวี้ออกไปข้างนอก
ฉู่จวินถิงมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่จากไปอย่างเร่งรีบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตา นี่คือ...การร้อนตัวหรือไม่?
เพิ่งออกมาได้ไม่นาน ซ่งจืออวี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า "น้องหญิงห้า เจ้ารีบเร่งข้าออกมาทำอะไร?”
“วันนี้ฉู่อ๋องช่วยข้าลากิจโดยเฉพาะ และยามนี้ก็มาหาเจ้า พวกเราทิ้งเขาไว้ลำพังเช่นนี้คงไม่ค่อยดีนักนะ?”
“ช่างเรื่องนี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินโบกมือ “ท่านกับท่านอ๋องมาถึงตั้งแต่เมื่อไร? ได้ยินคำพูดของข้าก่อนหน้านี้มากน้อยเพียงไหน?”
ซ่งจืออวี้นึกถึงคำพูดที่ได้ยินข้างนอกเมื่อครู่นี้ขึ้นมาได้ทันที และเมื่อเห็นสีหน้าตึงเครียดของซ่งรั่วเจิน ชั่วขณะนั้นไม่แน่ใจว่าจะบอกนางดีหรือไม่
ซ่งรั่วเจินรู้จักซ่งจืออวี้เป็นอย่างดี เขาเป็นคนที่จิตใจซื่อตรง ต่อหน้านางแม้แต่จะเสแสร้งก็ยังทำไม่ได้ แค่ดูสีหน้าของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องได้ยินเป็นแน่!
“ท่านรีบพูดมาสิ!” ซ่งรั่วเจินเร่งเร้าอย่างรีบร้อน คงไม่ได้มายามที่นางชื่นชมเกินจริงใช่หรือไม่?
ซ่งจืออวี้รู้สึกว่ายามนี้ปิดบังไปก็ไร้ประโยชน์ จึงพูดว่า "ก็ยามที่เจ้าชื่นชมว่าท่านอ๋องรูปงามอยู่นั่นแหละ... น้องหญิงห้า จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้าชื่นชมผู้อื่นเก่งถึงขนาดนี้”
“แม้การถูกท่านอ๋องได้ยินจะกระดากอายอยู่บ้าง ทว่าข้าคิดว่าท่านอ๋องคงจะยินดีเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นคราวหน้าเจ้าก็ชมข้าบ้างสิ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง