เพื่อให้ลูกๆ ได้กินเยอะขึ้นอีกนิด จ้าวเหยียนจึงกินข้าวน้อยมาก ถึงได้หมดแรงเป็นลมไประหว่างขนสินค้าเช่นนี้
“เมืองไห่เทียนดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในเขตอุทกภัย ถึงจะมีผู้อพยพลี้ภัยเข้ามาจำนวนมาก แต่ทางการเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายเสบียงอาหารแล้ว ชาวบ้านไม่น่าจะถึงขั้นตกอยู่ในสภาพนี้กระมัง?”
ซ่งรั่วเจินมองไปทางฉู่จวินถิง ดวงตาฉายแววกังขา อุทกภัยครานี้หนักหนาถึงเพียงนี้ ราชสำนักให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ยามนี้สถานการณ์ควรจะดีขึ้นได้แล้วถึงจะถูก
ฉู่จวินถิงย่อมตระหนักถึงจุดนี้เช่นกัน เมืองไห่เทียนอยู่ห่างจากเมืองผิงหยางอีกระยะหนึ่ง ที่นี่ยังเป็นถึงขนาดนี้ สามารถจินตนาการได้เลยว่าสถานการณ์ในเมืองผิงหยางมีแต่จะเลวร้ายยิ่งกว่า
“เรื่องนี้ต้องตรวจสอบโดยละเอียด” กู้หวยซวี่เอ่ยเสียงขรึม
สถานการณ์แบบนี้คนมีสายตาเฉียบแหลมมองปราดเดียวก็ดูออกว่ามีปัญหา ขุนนางท้องถิ่นกลับปล่อยปละละเลย ปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้โดยไม่รายงานไปยังราชสำนัก
จิตใจของทุกคนล้วนหนักอึ้ง แต่กลับไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า
ซ่งจิ่งเซินอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เขาเคยมาค้าขายที่เมืองไห่เทียน เคยติดต่อกับคหบดีตระกูลเจียงมาก่อนจึงรู้ว่าหัวหน้าตระกูลเจียงไม่ใช่คนดีอันใด พ่อค้ามากมายล้วนสนใจเพียงความมั่งคั่งหากไร้เมตตา แต่การเห็นชีวิตคนเป็นต้นหญ้าเช่นนี้ออกจะเกินไปแล้ว
“ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี? ตรงไปที่ตระกูลเจียงหรือไปสอบถามรอบๆ นี้ก่อน?”
ซ่งจืออวี้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้วก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน แต่เขาไม่มีประสบการณ์ในการจัดการเรื่องพวกนี้จึงได้แต่มองไปทางกู้หวยซวี่และฉู่จวินถิง
“อวิ๋นหยาง เจ้านำกำลังคนไปดูตามร้านขายข้าวสารในเมืองไห่เทียน สำรวจสถานการณ์และราคาของข้าวสารในเมืองนี้มาให้ชัดเจน” ฉู่จวินถิงสั่งความ
“ขอรับ ท่านอ๋อง”
ยามนี้ฉู่เทียนเช่อเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งยังทราบว่าเรื่องคราวนี้ตึงมือยิ่ง แต่ละครั้งที่เกิดภัยพิบัติมักพัวพันไปถึงขุนนางที่ปล่อยปละละเลยหรือกระทั่งฉ้อราษฎร์บังหลวงจำนวนหนึ่งโดยไม่อาจเลี่ยง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง