ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญพลางกล่าว โดยทั่วไปแล้ว นิสัยคนเราไม่มีทางเปลี่ยนไปปุบปับโดยไม่มีเหตุผล หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้นกะทันหัน
“เจ้าหมายความว่า...อาจถูกข่มขู่?”
ฉู่จวินถิงครุ่นคิดพลางกล่าว ในเมื่อเป็นขุนนางที่ดีที่ใครต่อใครล้วนชมเชย จะต้องไม่ยอมรับเงินสกปรกเป็นแน่ แต่ยามนี้กลับปล่อยปละละเลย กระทั่งยังช่วยพวกเขา ความเป็นไปได้ว่าถูกข่มขู่จึงมีมากที่สุดแล้ว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ “ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้เช่นนี้ แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรยังต้องรอให้ท่านอ๋องตรวจสอบ”
ผ่านไปไม่นาน อวิ๋นหยางก็รุดกลับมารายงานข้อมูลที่ไปสืบทราบมาได้
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยสืบทราบมาว่าราคาเสบียงอาหารที่นี่เพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า เนื่องจากขาดแคลนเสบียงอาหาร ราคาแทบจะเพิ่มขึ้นเมื่อผ่านไปไม่กี่วัน ดังนั้นชาวบ้านแทบจะนำเงินทั้งหมดที่มีออกมาซื้อเสบียงไปกักตุนไว้หมดแล้ว”
“ไม่เพียงเท่านี้ สถานการณ์บริเวณใกล้เคียงเมืองผิงหยางยังเลวร้ายกว่านี้ ได้ยินว่าราคาเสบียงของที่นั่นน่าตระหนกนัก แทบจะบีบคั้นให้ชาวบ้านต้องอดตายเลยชัดๆ”
อวิ๋นหยางมีสีหน้าปั้นยาก ขณะที่เขาไปสืบข่าว เห็นสภาพของผู้ลี้ภัยแล้วก็ต้องสะเทือนใจ แค้นใจนักที่ไม่อาจปลิดชีวิตพวกใจโฉดที่เห็นแก่เงินพวกนั้นเสียให้หมดสิ้น!
“ยามนี้เสบียงในเมืองผิงหยางมีไม่น้อย แต่ทุกคนไม่มีกำลังซื้อหา ได้แต่มองเสบียงเหล่านั้นวางอยู่ตรงหน้าตาปริบๆ แต่กลับต้องอดอยากจนตาย”
ราชครูกู้ได้ยินดังนั้นจิตใจก็หนักอึ้งเช่นกัน นี่เป็นสถานการณ์ที่พวกเขาไม่อยากเห็นมากที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
“ได้สืบข่าวเกี่ยวกับตระกูลเจียงมาบ้างหรือไม่?”
“ตระกูลเจียงเป็นพ่อค้าร่ำรวยจากเมืองหลวง ได้ยินว่าคราวนี้ทำเงินจากการขึ้นราคาเสบียงอาหารได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งยังชวนพ่อค้ารวยๆ คนอื่นๆ กว้านซื้อเสบียงอาหารปริมาณมาก ยามนี้ทั้งเมืองไห่เทียนพวกเขาร่ำรวยที่สุดแล้ว”
“เมื่อครู่ข้าน้อยไปดูรอบๆ ตระกูลเจียงมาแล้ว ชาวบ้านข้างนอกไม่มีข้าวกิน พวกเขากลับยังคงใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง