ซ่งจืออวี้แทงสังหารคนชุดดำที่โถมเข้ามาหาในกระบี่เดียวแล้วหันมามองซ่งหลินอย่างหมดคำจะพูด “ข้าไม่ได้โง่เสียหน่อย แต่เป็นห่วงท่านจึงรีบมา คนอื่นๆ กำลังตามมาแต่ยังมาไม่ถึงต่างหากเล่า”
ซ่งหลินได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นน่ะสิ! ยังดียังดี ลูกชายคนนี้ของข้ายังมีหัวคิดอยู่สินะ”
หากเป็นลูกชายคนอื่นมา เขาคงไม่กังวลแบบนี้ แต่อวี้เอ๋อร์มีนิสัยเถรตรงมาตั้งแต่เด็ก พลิกแพลงไม่เป็น การบุกเดี่ยวมาหาจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
คนอื่นๆ เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ทั้งที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดไปหมดแล้ว แต่จิตใจทุกคนกลับปลอดโปร่งอย่างยิ่ง
ขณะนั้น พวกอวิ๋นหยางก็ตามมาถึงแล้วบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ที่เดิมเป็นฝ่ายตั้งรับเปลี่ยนจากอันตรายเป็นปลอดภัยในชั่วพริบตา ในที่สุดพวกซ่งหลินก็มีโอกาสหายใจหายคอเสียที
เห็นว่าซ่งจืออวี้รุกรับอย่างทรงพลังประหนึ่งมีพละกำลังมหาศาลมาแต่กำเนิด ลงมือโดยไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย หร่วนเฉิงอดชมเชยไม่ได้
“ท่านแม่ทัพ ลูกชายคนนี้ของท่านมีฝีมือต่อสู้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าได้ลงสนามรบจะต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบเป็นแน่!”
“เมื่อก่อนสมัยที่ข้ายังอยู่เมืองหลวงก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่มีพละกำลังมาก เหมาะจะเรียนรู้วรยุทธ์ แต่ต้องรักษาการณ์ที่ชายแดนมาตลอดจึงไม่มีเวลาไปสอนเขาด้วยตัวเอง”
“ตอนนี้เห็นที อาจารย์ผู้นี้ของเขาสั่งสอนได้ดีมากจริงๆ!”
สีหน้าซ่งหลินเต็มไปด้วยความภาคภูมิ แม้แต่บาดแผลที่มีเลือดไหลออกมาก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดขนาดนั้นอีกแล้ว
“จะว่าไปแล้วก็ช่างกตัญญูจริงๆ คงเดาได้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่จึงตั้งใจมาช่วยเหลือท่านโดยเฉพาะสินะ ช่างทุ่มเทนัก!”
ฉีอู่มีสีหน้าอิจฉา “ถ้าข้ามีลูกชายแบบนี้ ต่อให้ฝันอยู่ข้าก็คงหัวเราะจนตื่นเลยทีเดียว!”
ซ่งหลินเหลือบมองฉีอู่แวบหนึ่งแล้วโยนยารักษาอาการบาดเจ็บไปให้ “เจ้าไม่ต้องอิจฉาหรอก รักษาชีวิตไว้ให้ได้ก่อน ไม่แน่ว่ากลับไปแล้วยังมีลูกได้อีกสักสองคน”
“แต่ถ้าตายอยู่ที่นี่ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง