“ท่านดื่มมากไปแล้ว หม่อมฉันประคองท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”
ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จวินถิงเมาเหล้าแล้วจะกลายเป็นเช่นนี้ พูดถ้อยคำที่นางฟังไม่เข้าใจ กลับเห็นได้ชัดว่าเชื่อฟังเป็นพิเศษ
ดวงตาคมกริบคู่นั้น ปกติเจือแรงกดดันอย่างมาก ทว่าบัดนี้หางตากลับตกลงเล็กน้อย ลดความดุดันและคมกริบลง เปี่ยมแสงทอประกายระยับดุจดวงดารา คล้ายดวงตาของลูกสุนัขก็มิปาน ทันใดนั้นนางคิดว่าเขาที่เป็นเช่นนี้น่ารักเป็นพิเศษ
ทำให้คนอยากลูบศีรษะปลอบโยนเขาอย่างอดไม่ได้
“ข้าไม่เมา” ฉู่จวินถิงเสียงแข็งขึ้นมา
“ได้ๆๆ ท่านไม่เมา” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปลอบเสียงนุ่มนวล
นางย่อมรู้ว่าคนเมาชอบพูดว่าไม่เมา หากเอาจริงเอาจังกับเขา นั่นก็คือโง่เขลา
ขณะนางกำลังดึงแขนฉู่จวินสิงเตรียมประคองคนกลับไปอยู่นั้น กลับถูกฝ่ายชายดึงเข้าอ้อมกอดอย่างกะทันหัน
กลิ่นอายเย็นสบายบนตัวของฝ่ายชายเจือกลิ่นสุราอ่อนๆ โอบล้อมซ่งรั่วเจินไว้ อากาศเย็นเล็กน้อย อ้อมกอดของเขากลับอบอุ่นอย่างมาก
เท้าซ่งรั่วเจินยืนได้ไม่มั่นคง ครู่ต่อมาพิงประตู ฝ่ายชายปกป้องศีรษะของนางเอาไว้ กลับไม่มีความคิดปล่อยนางไป
“ข้าอยากกอดเจ้า แค่ครู่เดียว ได้หรือไม่?”
เสียงของฝ่ายชายดังข้างโสต มีเสน่ห์เย้ายวนอย่างมาก ทำให้คนยากจะสามารถปฏิเสธได้
ซ่งรั่วเจินหน้าแดงเรื่อ ทั้งๆ ที่กอดนางไปแล้ว ยังถามอันใดอีก?
นางเอียงหน้ามองฝ่ายชาย นึกสงสัยชายคนนี้กำลังแกล้งเมาหรือไม่ นี่เก่งเกินไปแล้วกระมัง!
“เจ้ารับปากแล้วหรือ?” ฉู่จวินถิงถามซ้ำอีกหนึ่งประโยค เจือความดื้อรั้นหลายส่วน คล้ายต้องได้รับคำตอบที่แน่นอนของนางก่อนถึงจะยอมเลิกรา
ซ่งรั่วเจินกระซิบเบาๆ ทีหนึ่ง รู้สึกเพียงเขินอายอยากมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง