หลังผ่านการเมาครั้งนี้ ซ่งรั่วเจินได้เห็นอีกด้านของฉู่จวินถิง ระยะห่างที่กั้นกลางระหว่างทั้งคู่คล้ายถูกทำให้มลายหายไป ใกล้ชิดกันมากขึ้นไม่น้อย
หลายครั้งทั้งๆ ที่ไม่ได้พูดอะไร แต่ขอเพียงได้สบสายตากับอีกฝ่าย ภายในใจก็เกิดความรู้สึกหวานล้ำขึ้นมา
พวกซ่งหลินมองออก หรือพูดให้ถูกคือไม่อาจเมินข้ามไปได้
ต่อให้เพียงแต่กินข้าว สายตาของฉู่อ๋องก็มักตกลงบนตัวซ่งรั่วเจินอยู่บ่อยครั้ง หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายคีบอาหารให้นาง
เพราะซ่งรั่วเจินรังเกียจความยุ่งยากจึงไม่ชอบกินปลา ฉู่อ๋องถึงขั้นเอาก้างปลาออกแล้วคีบใส่ชามของนาง ทว่ายามอยู่ต่อหน้าทุกคน เขายังปั้นหน้าเคร่งขรึมดังเดิม ท่าทางคล้ายไม่เป็นไร
นี่ช่างขัดแย้งกันโดนแท้!
จากนั้นทางการเริ่มแจกโจ๊ก ทุกวันสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยดีขึ้นมาก กอปรกับเงินบรรเทาภัยพิบัติที่ราชสำนักนำมา ฉู่จวินถิงให้นายอำเภอสร้างที่พักสำหรับพักผ่อนบางส่วน
ในเวลาเดียวกันบันทึกสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยไว้ในรายงาน หลังจากสถานการณ์ของเมืองผิงหยางดีขึ้นแล้ว ก็สามารถเลือกตามสถานการณ์ได้ว่าจะไปหรืออยู่ต่อ
คาดว่าราษฎรส่วนใหญ่ล้วนอยากกลับบ้านเกิด
“ความคืบหน้าของเมืองไห่เทียนช่วงสองวันนี้มอบให้พวกเราแล้ว ตาของเจ้าและท่านอ๋องไปคูเมืองอื่นเพื่อจัดการงานสำคัญ อีกสองสามวันพวกเราจะเดินทางไปเมืองผิงหยาง” ซ่งหลินเอ่ยปาก
ซ่งรั่วเจินเข้าใจ “สืบเรื่องภัยพิบัติหรือเจ้าคะ?”
“สถานที่ห่างไกลเช่นนี้อาศัยว่าอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง ขุนนางเข้าข้างกันเอง ฉวยโอกาสรีดไถเงินจนชินชาแล้ว”
“ราชสำนักแจกจ่ายเงินบรรเทาภัยพิบัติไม่น้อย หากพวกเขาเก็บไปเล็กน้อยก็ช่างเถอะ บัดนี้ตกถึงราษฎรไม่ถึงหนึ่งหนึ่งในสิบส่วน จะต้องจับคนร้ายเหล่านี้ให้ได้ หาไม่แล้วภายภาคหน้าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น”
สีหน้าซ่งหลินเคร่งขรึม ตั้งแต่เกิดอุทกภัยจนถึงตอนนี้ เขาอยู่ละแวกใกล้เคียงเมืองผิงหยางมาโดยตลอด เข้าใจสถานการณ์ที่นี่อย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง