“เช่นนั้นบัดนี้ผู้ใดดูแลเมืองผิงหยางหรือเจ้าคะ?”
ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้สกุลหลิงตั้งตนเป็นใหญ่ครอบครองอำนาจของเมืองผิงหยาง นายอำเภอจะต้องเป็นคนของสกุลหลิงแน่
บัดนี้สกุลหลิงไปเมืองหลวงแล้ว หลิงเหวินเทาที่ทิ้งไว้เองก็ตายไปแล้ว กอปรกับนายอำเภอเองก็ถูกฆ่า เมืองผิงหยางมิใช่อยู่ในสถานการณ์ไร้ผู้ปกครองหรอกหรือ?
“นายอำเภอตายไปแล้ว โจวหลี่รับช่วงต่องานของเขาชั่วคราว คนผู้นี้เป็นคนมีมโนสำนึกคนหนึ่ง พวกเรารู้จักเขามานานหลายปี จะต้องไม่ขูดเลือดขูดเนื้อราษฎรเหมือนนายอำเภอหยางแน่”
สายตาซ่งหลินเย็นลง เดิมทีวางแผนว่าต่อให้รังเกียจนายอำเภอคนนี้เยี่ยงไร ก็จะไม่ฆ่าเขาในตอนนี้ ทำให้เกิดความโกลาหลภายในเมืองผิงหยาง
เพียงแต่คนผู้นั้นน่ารังเกียจเกินไป ต่อให้เก็บไว้ก็จะฉวยโอกาสขูดรีดราษฎร มิสู้ฆ่าให้ตายไปเสียเลย!
ขบวนคนมาถึงทางการอย่างว่องไว
“แม่ทัพซ่ง?”
ยามผู้แทนนายอำเภอได้เห็นซ่งหลิน ภายในสายตาเปี่ยมความประหลาดใจ แต่ต่อมาก็กลายเป็นดีใจ
“ท่านยังมีชีวิตอยู่ช่างดีเหลือเกิน!”
“โจวหลี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกันอีกครั้งในเวลาเช่นนี้” สีหน้าซ่งหลินอ่อนโยน “บัดนี้สถานการณ์เมืองผิงหยางเป็นเช่นไร?”
ยามพวกฉีอู่ทางด้านข้างได้เห็นโจวหลี่ ใบหน้าประดับยิ้ม ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยทำความรู้จักกันมาก่อน สาเหตุที่สนิทสนมกัน ก็เพราะเมื่อแรกยามเข้าสู่สมรภูมิรบ เป็นโจวหลี่รับผิดชอบเตรียมเสบียงอาหารและหญ้าให้พวกเขา
นายอำเภอไม่ใช่คนดี ท่าทีที่มีต่อพวกเขาไม่อาจเรียกว่าเกรงใจได้ เรื่องทั้งหมดล้วนมอบให้โจวหลี่จัดการ
โจวหลี่พยายามอย่างสุดจิตสุดใจ คิดหาทางช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาทั้งหมด มีครั้งหนึ่งพวกเขาบังเอิญเห็นว่ากำลังทะเลาะกับนายอำเภอ ยังถูกลงโทษอีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง